10 อุตสาหกรรมเป้าหมายยังมาแรง ครึ่งปียอดลงทุน 2.06 แสนล้านบาท โต 166%
การส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย จากการติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางที่พึ่งพาอุตสาหกรรมพื้นฐาน พลิกไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงตั้งอยู่บนพื้นฐานของนวัตกรรม และเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายยกระดับประเทศชาติให้มีศักยภาพเหนือคู่แข่ง ก้าวไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง
นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2558 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้เดินหน้า 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูง
4. อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5. อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 6. อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม 7. อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 8. อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 9. อุตสาหกรรมดิจิทัล และ 10. อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร
โดย ที่ผ่านมานักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นจำนวนมาก แต่ภายหลังจากวิกฤตโควิด-19 ก็ส่งผลต่อการลงทุนอยู่พอสมควร เพราะนักลงทุนไม่สามารถเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจได้ รวมทั้งบางอุตสาหกรรมก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เช่น อุตสาหกรรมอากาศยาน แต่ในภาพรวมนโยบายนี้ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนม.ค. – มิ.ย. 2564 ก็เริ่มเห็นถึงการฟื้นตัวด้านการลงทุน โดยใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จำนวน 430 โครงการ คิดเป็น 54% ของโครงการที่ยื่นคำขอมาทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23% มีมูลค่าการลงทุน 206,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 166%
โดยอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 60,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136% 2. อุตสาหกรรมการแพทย์ 43,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 234% เนื่องจาก บีโอไอ ได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์การลงทุน เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19
3. อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 28,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 577% 4. อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร 23,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% และ5. อุตสาหกรรมชีวภาพ 20,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 850%
นอกจากนี้ บีโอไอ ยังได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 388 โครงการ คิดเป็น 48% ของจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติ มีมูลค่ารวม 145,350 ล้านบาท คิดเป็น 55% ของมูลค่าการอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด โดยโครงการส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร ส่วนมูลค่าเงินลงทุนอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด