เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น – บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,250-1,265 จุด โดยยังคงต้องจับตาแนวรับสำคัญ Low ล่าสุดบริเวณ 1,250+- จุดว่ายังสามารถยืนเหนือได้ต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจออกมามากขึ้น ทั้งตัวเลข PMI ภาคการผลิตจีนเดือน พ.ย. ตัวเลข ISM ภาคการผลิตและบริการเดือน พ.ย. และเงินเฟ้อ PCE เดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ
ส่วนของไทยจะมีตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย. คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่กำหนดทิศทางการแกว่งตัวของดัชนี รวมถึงการประเมินโอกาสที่ Fed และ กนง. จะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนัดสุดท้ายของปีในเดือนนี้ ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศต้องติดตามว่าจะเห็นการยุบสภาเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. หรือไม่หากฝ่ายค้านมีการยื่นซักฟอกในการเปิดสมัยประชุม โดยอาจทำให้ตลาดเข้าโหมด Wait and See เพื่อรอผลการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดเจน เรามองว่าหุ้นที่มีประเด็นหนุนเฉพาะตัวยังมีโอกาสปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดในภาพรวม
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q25-1H26 ที่ยังแข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BDMS, BTG, CBG, MAGURO, WHAUP
FSSIA Portfolio : BA, BDMS, BTG, CBG, CENTEL, CPALL, KTB, MTC, WHAUP
หุ้นเด่นวันนี้ : CBG
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท
• ผู้บริหารให้ภาพว่ากัมพูชาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปี 2026 เพิ่มเป็น 32% พร้อมเตรียมออกสินค้าใหม่ 12 บาท โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2026 โต 20% y-y มาจากในประเทศ +25% ทั้งคาราบาวแดงและสุราข้าวหอม ส่วนต่างประเทศจะโตดีที่พม่าและเวียดนาม
• โรงงานในกัมพูชาได้ลูกค้า OEM ที่จะทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง คาดเริ่มผลิตในเดือน ธ.ค. ตลาดอัฟกานิสถานเตรียมปรับโมเดลเป็นการขายหัวเชื้อให้พันธมิตร OEM เพื่อลดต้นทุนและแข่งขันในตลาดได้ และมีแผนเตรียมกลับเข้าตลาดจีนอีกครั้ง หากทำได้ตามแผน ประมาณการกำไรสุทธิปี 2026 +2% y-y จะมี Upside 5-18%
• แนวรับ 44//42.50 บาท แนวต้าน 46.50//48 บาท
ด้าน บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,240 - 1,250 แนวต้าน 1,260 - 1,270 คาดดัชนี SET ทรงตัวของผลการประชุมเฟดวันที่ 10 ธ.ค. และวันพรุ่งนี้รอผลการประชุม ครม.ในการอนุมัติ ม.ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภัยน้ำท่วม แนะนำทยอยซื้อ HMPRO,DOHOME,GLOBAL,TOA จากงบซ่อมแซมช่วงภัยน้ำท่วม / กลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์จากการปรับเกณฑ์การซื้อหุ้นคืน KBANK,TTB,KTB / เก็งกำไร AOT รอผลการเจรจาการแก้ไขสัญญาของ King Power และการขอปรับขึ้นค่าบริการ PSC
• MAGURO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 30.75 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q68 ปรับตัวขึ้นได้ต่อ +QoQ, +YoY หนุนจากช่วง high season ด้านการเติบโต SSSG ของสาขาเดิมคาดกลับมาเป็นบวกในเดือน ธ.ค. และมีแผนการเปิดสาขาใหม่ 4 สาขา ภายในสิ้นปี ในปี 68 คาดรายได้โตเกินเป้า +30%YoY ส่วนในปี 69 ยังใช้กลยุทธ์ในการขยายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีแผนขยายสาขาไม่น้อยกว่า 15 สาขา และเปิดตัวแบรนด์ใหม่ใน portfolio ตั้งเป้ายอดขาย 5 พันล้านบาท ภายในปี 2572 ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น 50-55% ทั้งนี้ Consensus ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 142 ล้านบาท +46%YoY และ 185 ล้านบาท +30%YoY
• KLINIQ (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท) แม้กำไรสุทธิ 3Q68 จะต่ำกว่าคาดอยู่ที่ 79 ลบ. (+6%YoY, -12%QoQ ) กดดันจากการเร่งขยายสาขาและค่าใช้จ่ายในการปิด 2 สาขาที่ underperformed ขณะที่ฝั่งรายได้มีปัจจัยลบจากคุณหมอศัลยกรรมลาคลอดเต็มไตรมาส อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองว่า 4Q68 นี้จะเป็นจุดสูงสุดการดำเนินงานของปี และ +YoY +QoQ โดยแม้จะมีการเปิดสาขาใหม่อีกราว3 แห่ง แต่การเปิดสาขายังน้อยกว่าใน 2Q68-3Q68 ขณะที่คาดว่ารายได้ของสาขาที่เปิดใหม่ในช่วงก่อนหน้าจะเริ่มเร่งตัวขึ้น ปัจจุบัน ประมาณการณ์กำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 อยู่ที่ 361 ลบ.( +12%YoY) และ 428ลบ.(+19%YoY) ตามลำดับ
ขณะที่ บล.ดาโอ คาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยรอความชัดเจนในประเด็นทางการเมืองของไทย และปัจจัยชี้นำจากภายนอก เช่น แผนระงับสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล ประเมินกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1242-1270 จุด จุดทดสอบดัชนีฯ ที่สำคัญคือ 1250 และ 1242 จุด ตามลำดับ
ปัจจัยในประเทศ
- ตลาดกำลังรอดูทิศทางการเมืองของไทย เนื่องจากจะมีการประชุมสถาฯวิสามัญฯในสัปดาห์หน้า (8-11 ธ.ค.) ซึ่งอาจจะมีการพูดหรือเตรียมยื่นขออภิปรายไม่ไว้วางใจ …. เราประเมินว่า ถ้ามีการยุบสภาฯ ในเดือน ธ.ค.จะเป็นลบต่อตลาดหุ้น แต่หากฝ่ายค้านให้รัฐบาลทำงานต่อ อาจมีแรงซื้อหุ้นกลับ
- การฟื้นฟูน้ำท่วม: วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้เข้าสู่ช่วงการเยียวยาผู้ประสบภัย ความเสียหายทางเศรษฐกิจคาดว่าสูงถึง 23.6 พันล้านบาท ซึ่งอาจฉุดรั้งการบริโภค และเพิ่มโอกาสที่ ธปท. อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค. นอกจากนี้ ยังมีการย้ายการแข่งขันกีฬาซีเกมส์หลายชนิดไปที่กรุงเทพฯ และชลบุรี เพื่อความปลอดภัย
- Fund Flow/เงินบาท: นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวม (SET+MAI) 1,175 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 10,414 ล้านบาท เงินบาทเย็นวันที่ 28 พ.ย. อยู่ที่ 32.19 บาท/ดอลลาร์ โดยคาดกรอบการเคลื่อนไหวต้นสัปดาห์หน้าไว้ที่ 32.10-32.30 บาท/ดอลลาร์ ต้นทุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ของไทยปรับลดลง ตามการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ปัจจัยต่างประเทศ
- การประชุม OPEC+: มีการประชุมรัฐมนตรี เพื่อทบทวนภาวะตลาดน้ำมันโลกและนโยบายการผลิต แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจปรับลดราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการ (OSP) สำหรับลูกค้าในเอเชียงวดส่งมอบเดือน ม.ค. 2569 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี การปรับลดราคา OSP ดังกล่าวมีสาเหตุจากคาดการณ์อุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัสได้เพิ่มเป้าหมายการผลิตน้ำมันราว 2.9 ล้านบาร์เรล/วัน
- สหรัฐฯ ระงับรับผู้อพยพ: ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะระงับการรับผู้อพยพจากกลุ่มประเทศโลกที่สามอย่างถาวร และจะยุติการมอบสวัสดิการและเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางทั้งหมดแก่ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ รวมถึงเรียกร้องให้มีการการย้ายถิ่นฐานกลับ ซึ่งมีสาเหตุจากเจ้าหนี้สหรัฐฯ ถูกยิงโดยชาวอัฟกานิสถานในสัปดาห์ก่อน
- ความขัดแย้งทางการทูตระหว่างจีนกับญี่ปุ่น: ความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียยังคงสูง โดยความขัดแย้งนี้ดำเนินมาเกือบ 1 เดือน ซึ่งเกี่ยวข้องกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ เกี่ยวกับไต้หวัน
- ความคืบหน้า แผนสันติภาพ ยูเครน-รัสเซีย : ล่าสุด รัสเซียได้ปล่อยการโจมตีทางอากาศเข้าใส่กรุงเคียฟ อย่างหนักในช่วงข้ามคืน โดยประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียยิงขีปนาวุธประมาณ 36 ลูกและโดรนเกือบ 600 ลำ เป้าหมายหลักคือ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและสิ่งอำนวยความสะดวกของพลเรือน
- เศรษฐกิจจีน: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) อย่างเป็นทางการของจีนในเดือน พ.ย. อยู่ที่ 49.2 ซึ่งยังคงต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่แปดติดต่อกัน. ดัชนีภาคที่ไม่ใช่ภาคการผลิตก็หดตัวลงสู่ระดับ 49.5. นอกจากนี้ ตลาดถูกเขย่าจากความกังวลในวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ เมื่อ China Vanke Co. เสนอที่จะเลื่อนการจ่ายพันธบัตรในประเทศ
Technical : BCH, KAMART
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
