รีเซต

เปิดไทม์ไลน์ ชายอินเดียติดโควิด-19 ขึ้นเหนือล่องใต้ รวม 4 จว.

เปิดไทม์ไลน์ ชายอินเดียติดโควิด-19 ขึ้นเหนือล่องใต้ รวม 4 จว.
มติชน
8 พฤศจิกายน 2563 ( 15:50 )
437

วันนี้ (8 พฤศจิกายน 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา แถลงความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เป็นชายสัญชาติอินเดีย ใน จ.กระบี่ ซึ่ง สธ.มีการเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

 

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 37 ปี พักอายุที่เกาะพีพี จ.กระบี่ มีประวัติเดินทางหลายจังหวัด ทีมสอบสวนโรคจึงประสานงานกันทั้งส่วนกรมควบคุมโรค สำนักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.)ที่เกี่ยวข้อง คือ สคร.11 จ.นครศรีธรรมราช สคร.1 จ.เชียงใหม่ และ สคร.2 จ.พิษณุโลก ร่วมถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้แก่ กระบี่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และสุโขทัย ประชุมร่วมกันเพื่อแบ่งหน้าที่สอบสวนโรค

 

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า ข้อมูลผลการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง พบว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ผู้ติดเชื้อได้ตรวจหาเชื้อวิธี RT-PCR ที่โรงพยาบาล (รพ.) เอกชน ใน จ.กระบี่ และส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่ รพ.กรุงเทพสิริโรจน์ จ.ภูเก็ต เพื่อทำใบขออนุญาตทำงาน (work permit) ผลพบเชื้อ จึงส่งตรวจยืนยันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 ผลตรวจพบเชื้อเช่นเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างถอดรหัสพันธุกรรม และหาว่าเชื้อที่พบยังมีชีวิตหรือมีความสามารถแพร่เชื้อได้หรือไม่

 

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า หลังจากนั้นผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาที่ รพ.กระบี่ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ได้ตรวจหาเชื้อซ้ำ ผลตรวจไม่พบเชื้อ ซึ่งจากค่าผลแล็บในวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่พบเชื้อในปริมาณน้อยมาก ดังนั้นการตรวจซ้ำอาจจะไม่พบเชื้อ เนื่องจากเป็นการติดเชื้อมาในระยะที่นานพอสมควร รวมถึงการเจาะเลือดตรวจหาภูมิคุ้มกันพบว่าให้ค่า IgG ซึ่งหมายถึงมีการติดเชื้อมาระยะหนึ่งแล้ว ราว 1-2 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น ซึ่งค่า IgG ในบางรายอยู่นานถึง 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้เป็นการติดเชื้อโควิด-19 อย่างแน่นอน และอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค และค้นหาผู้สัมผัส

 

“ผู้ติดเชื้อมาเมืองไทยตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 หลังจากนั้นได้เดินทางออกไปต่างประเทศในช่วงเดือนตุลาคม 2562 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ เดินทางกลับมาในไทยและไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศอีก เปิดร้านอาหารกับภรรยาที่เกาะพีพี การค้นหาผู้สัมผัส เราตามตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม เนื่องจากเขาบอกทาง รพ. ว่ามีอาการไอ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน จึงสอบสวนโรคย้อนไป 14 วัน และทำการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก ย้อนหลังกลับไป และดูว่าเขาเดินทางไปไหนบ้าง พบว่าเมื่อวันที่ 19-27 ตุลาคม อยู่ที่เกาะพีพีตลอด จึงได้ติดตามเพิ่มเติมพื้นที่ในเกาะ” พญ.วลัยรัตน์ กล่าวและว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เดินทางนั่งเรือจากเกาะพีพีไป อ.เมือง จ.กระบี่ และพักบ้านน้องชาย ซึ่งมีภรรยาของน้องชายและหลานสาวอยู่ด้วย เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไป จ.ภูเก็ต พักที่โรงแรมที่หาดป่าตอง พบเพื่อนชาวอเมริกัน 1 ราย ซึ่งอยู่ในระหว่างติดตาม หลังจากนั้นไปรับประทานอาหารตรงข้ามโรงแรม ซึ่งอยู่ในระหว่างติดตามเช่นเดียวกัน” พญ.วลัยรัตน์ กล่าว

 

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมเพื่อนชาวไทย 1 ราย ไปสนามบินภูเก็ต และเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3167 เมื่อถึงสนามบินใช้บริการรถแท็กซี่เดินทางไปพักใน อ.เมือง หลังจากนั้นได้ไปเที่ยวในสถานบันเทิงกับเพื่อนชาวไทย ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งในกรณีนี้จะติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นหลัก เนื่องจากผู้ติดเชื้อมีการติดเชื้อมาระยะหนึ่งแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เช่ารถยนต์จากโรงแรมใน จ.เชียงใหม่ เดินทางไป จ.สุโขทัย พร้อมเพื่อนชาวไทยที่เดินทางมาพร้อมกันจาก จ.ภูเก็ต ด้วยกัน แวะปั๊มน้ำมัน ลอยงานลอยกระทง แต่ในการจัดมีการวัดอุณหภูมิร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัย

 

 

“ดังนั้น หากผู้เข้าร่วมงานสวมหน้ากากอนามัย ก็จะสบายใจได้ว่าไม่ใช่ผู้สัมผัส อีกทั้งขณะนั้นผู้ติดเชื้อยังไม่มีอาการป่วย จึงมั่นใจได้ว่าในงานลอยกระทงจะไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ช่วงเช้ารับประทานอาหารที่โรงแรม ใน จ.สุโขทัย อาหารกลางวันที่ร้านอาหารภายใน จ.สุโขทัย หลังจากนั้นแวะเที่ยววัดในเมืองก่อนขับรถกลับ จ.เชียงใหม่” ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าว

 

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน เดินทางกลับ จ.ภูเก็ต โดยคืนรถเช่าที่สนามบินและเดินทางกลับด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD1968 เมื่อถึง จ.ภูเก็ต แล้วได้ขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าพักในโรงแรมใน อ.หาดป่าตอง กับเพื่อนชาวไทยคนเดิม หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ได้รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมและแยกย้ายกับเพื่อน ผู้ติดเชื้อได้เดินทางไปรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้า อ.เมือง จ.ภูเก็ต แล้วหลังจากนั้น ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวไปบ้านน้องชายที่ จ.กระบี่ เป็นครั้งที่ 2 ต่อมาในวันที่ 4 พฤศจิกายน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกับน้องชายไปยัง รพ.เอกชน เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทำ work permit หลังจากเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อเสร็จได้นั่งเรือเฟอร์รี่กลับมาเกาะพีพี หลังจากนั้น รพ. ได้โทรแจ้งผลการตรวจว่า ผลตรวจพบเชื้อ ผู้ติดเชื้อจึงเดินทางกลับมา จ.กระบี่ ด้วยเรือ และรถโรงพยาบาลไปรับเพื่อเข้าสู่การรักษา

 

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า กรณีนี้ มีผู้สัมผัสผู้ป่วยรวม 290 ราย เป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 79 ราย ได้แก่ 1.ครอบครัวเดียวกัน 4 ราย น้องชาย น้องสะใภ้ และหลานสาว ซึ่งให้ผลการตรวจเป็นลบ และกำลังรอผลการตรวจของภรรยา และจะครบกำหนดการสังเกตอาการในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2.ผู้สัมผัสในชุมชน รวม 5 ราย เป็นเพื่อน 3 ราย และพนักงานสนามบิน-โรงแรม อีก 2 ราย 3.ยานพาหนะ 64 ราย ผู้โดยสารเครื่องบิน 45 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการในวันที่ 13 และ 17 พฤศจิกายน เรือเฟอร์รี่ 19 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการในวันที่ 11 และ 18 พฤศจิกายน 4.บุคลากรการแพทย์ 6 ราย ที่ รพ.เอกชน เป็นแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ล่าม เก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ครบกำหนดสังเกตอาการในวันที่ 18 พฤศจิกายน และกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 211 ราย 1.ผู้โดยสารเครื่องบิน 129 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการ 13 และ 16 พฤศจิกายน เรือเฟอร์รี่ 38 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการ 11 และ 18 พฤศจิกายน 2.บุคลากรการแพทย์ 16 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการ 18 และ 20 พฤศจิกายน

 

“ผู้สัมผัสผู้ป่วยแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จึงไม่ได้ทำการตรวจหาเชื้อแต่ให้สังเกตอาการป่วยของตนเอง เมื่อมีอาการให้รีบไปพบแพทย์ทันที กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จะนัดทำการตรวจหาเชื้อและกักตัวสังเกตอาการที่บ้านเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน” พญ.วลัยรัตน์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง