“สังคมป่วย” 2567–2568 บ้านไม่ปลอดภัย-ถนนไม่น่าเดิน-เด็กใช้ชีวิตท่ามกลางยาเสพติด

สังคมป่วย 2567–2568 ?
ตลอดปี 2567 ประเทศไทยอยู่ภายใต้บรรยากาศที่ความรุนแรงเกิดขึ้นแทบไม่เว้นวัน ตั้งแต่ข่าวเด็กถูกทำร้ายในบ้าน เยาวชนเสพยาและฆ่าตัวตาย ปัญหายาเสพติดทะลักถึงเด็กประถม ไปจนถึงเหตุกราดยิงกลางเมืองหลวง เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงภาพข่าวรายวัน หากแต่กำลังฉายให้เห็นโครงสร้างสังคมที่บิดเบี้ยวอย่างลึกซึ้ง จนทำให้สื่อหลายสำนักเริ่มเรียกสถานการณ์นี้ว่า “สังคมป่วย”
รายงานจากศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. เปิดเผยว่า ตลอดปี 2567 ศูนย์ฯ ได้รับคำร้องเรียนจากประชาชนมากถึง 188,625 กรณี หรือเฉลี่ยวันละ 517 ราย โดยมากกว่าร้อยละ 90 แจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1300 ซึ่งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
เด็กเป็นเหยื่อมากที่สุดในบ้านของตนเอง
ในจำนวนผู้แจ้งเหตุที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง 4,712 ราย พบว่า 3,376 ราย หรือราวร้อยละ 71 เกิดขึ้นในครอบครัว โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ “เด็ก” จำนวน 2,461 ราย รองลงมาคือผู้ใหญ่ 1,357 ราย ผู้สูงอายุ 354 ราย เยาวชน 277 ราย และคนพิการอีก 263 ราย
รูปแบบความรุนแรงมีทั้งการทำร้ายร่างกาย การล่วงละเมิดทางเพศ การกระทำอนาจาร ไปจนถึงการทอดทิ้ง และการบังคับใช้แรงงาน สถานที่ที่มีการแจ้งเหตุสูงสุดคือกรุงเทพมหานคร 1,482 ราย ตามด้วยนนทบุรี ชลบุรี อุดรธานี และปทุมธานี
ผู้กระทำความรุนแรงส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชาย และอยู่ในฐานะพ่อหรือสามีของเหยื่อ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก “ยาเสพติด” และ “สุรา” ตามข้อมูลของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ซึ่งระบุว่าในข่าวความรุนแรงในครอบครัวปี 2566 จำนวน 1,086 ข่าว ร้อยละ 26.1 มีสารเสพติดเกี่ยวข้อง และร้อยละ 29.1 เกิดร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์
วงจรยาเสพติดเริ่มตั้งแต่ประถมศึกษา
ข้อมูลจากการอภิปรายในวุฒิสภาเมื่อต้นปี 2568 ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบการใช้ยาบ้าในกลุ่มเด็กอายุ 7–8 ปี และการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กอนุบาล ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของสถานการณ์การป้องกัน โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างครอบครัวและโรงเรียนไม่สามารถคัดกรองปัญหาได้ทัน
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ณ สิ้นปี 2567 มีผู้ต้องขังในคดียาเสพติดกว่า 280,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 93 ของผู้ต้องขังทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่แค่การเสพ แต่ยังมีระบบค้ายาที่แทรกซึมในทุกระดับ และสร้างความเสียหายมหาศาลต่อชีวิตผู้คน
กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่ามีการทำลายของกลางยาเสพติดรวมกว่า 20 ตัน มูลค่ากว่า 6,456 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2567 โดยในจำนวนนั้นเป็นยาบ้าและยาไอซ์เกือบทั้งหมด หน่วยงานความมั่นคงอย่าง ป.ป.ส. และหน่วยทหารยังคงต้องสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีจับยาบ้ากว่า 2 แสนเม็ดที่จังหวัดหนองคายในช่วงปลายปี
จากโทษเบา สู่โศกนาฏกรรมใหญ่
จากข้อมูลการวิเคราะห์ข่าวความรุนแรงในครอบครัว พบว่า ร้อยละ 39.9 ของเหตุการณ์จบลงด้วยการทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 35.7 เป็นการฆาตกรรม และร้อยละ 19.6 นำไปสู่การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพียงข่าวหน้าหนึ่ง แต่คือความเจ็บปวดที่แทรกซึมอยู่ในครัวเรือนทั่วประเทศ
หนึ่งในโศกนาฏกรรมที่กระตุกใจสังคมไทยอย่างแรงคือกรณี “แบงค์ เลสเตอร์” เด็กชายพิการทางสติปัญญาที่เสียชีวิตหลังถูกถ่ายทำคอนเทนต์ล้อเลียนบนโซเชียลมีเดีย โดยไม่สามารถปกป้องตนเองได้ทัน
กรณีกราดยิงกลางห้างสยามพารากอนเมื่อ 3 ตุลาคม 2566 ก็กลายเป็นอีกเหตุการณ์ที่เปลี่ยนบรรยากาศสังคมไทยให้เต็มไปด้วยคำถามถึงการเข้าถึงอาวุธปืน ความหละหลวมของการดูแลสุขภาพจิตเด็ก และการเรียนรู้พฤติกรรมความรุนแรงจากสื่อออนไลน์
สายด่วนช่วยได้ แต่ยังไม่พอ
แม้สายด่วน 1300 และช่องทาง Family Line บน LINE จะเปิดรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง และมีการช่วยเหลือแล้วกว่า 163,556 กรณี แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นายวราวุธ ศิลปอาชา ก็ยอมรับว่า กระทรวงยังไม่มีหน่วยปฏิบัติถาวรในกรุงเทพมหานคร และต้องพึ่งพาความร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเข้าถึงพื้นที่ได้จริง
อีกทั้ง พระราชบัญญัติป้องกันความรุนแรงในครอบครัวฉบับปัจจุบันยังคงเปิดช่องให้มีการ “ไกล่เกลี่ย” หรือ “ยอมความ” ได้ง่าย ส่งผลให้ผู้กระทำความผิดจำนวนมากไม่ต้องรับโทษเต็มรูปแบบ เครือข่ายภาคประชาชนจึงกำลังรวบรวมรายชื่อเพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ. ฉบับประชาชน ที่เน้นคุ้มครองเหยื่อมากกว่าประนีประนอม และกำหนดบทลงโทษผู้กระทำอย่างชัดเจน
--------------*--
หนึ่งปีที่ผ่านมาอาจดูเหมือนสังคมไทยเผชิญปัญหาความรุนแรงหนักกว่าที่เคย แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันคือปีที่ผู้คนเริ่มไม่ยอมรับ เริ่มแจ้งเหตุมากขึ้น กล้าออกมาเรียกร้อง และเริ่มมองว่าความรุนแรงในชีวิตประจำวันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทน
สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าจึงไม่ใช่แค่การจัดการ “เหตุที่เกิดแล้ว” แต่คือการวางระบบเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำอีกในวันพรุ่งนี้