รีเซต

กรุงเทพฯ เมืองน้ำท่วม! ฝนตกไม่กี่ชั่วโมง ถนนกลายเป็นคลอง

กรุงเทพฯ เมืองน้ำท่วม!   ฝนตกไม่กี่ชั่วโมง   ถนนกลายเป็นคลอง
TNN ช่อง16
29 กันยายน 2568 ( 11:30 )
13

กรุงเทพฯ เมืองน้ำท่วม! 

ฝนตกไม่กี่ชั่วโมง 

ถนนกลายเป็นคลอง 


Disaster Warning: กรุงเทพฯ เผชิญปัญหาน้ำท่วมจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ น้ำเหนือ น้ำหนุน น้ำฝน และการจัดการน้ำที่ยังไม่เพียงพอ ท่อระบายน้ำเล็กกว่าปริมาณฝนจริง หลายถนนกลายเป็นจุดน้ำท่วมซ้ำซาก เช่น แจ้งวัฒนะ รัชดาภิเษก พหลโยธิน และเพชรเกษม แม้จะมีอุโมงค์ระบายน้ำช่วยบรรเทา แต่อนาคตยังเสี่ยงหนักจากแผ่นดินทรุดและน้ำทะเลหนุน ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ



ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสเกี่ยวกับ กรุงเทพมหานครกับปัญหาน้ำรอการระบาย แก้ได้หรือไม่?


ปัญหาน้ำท่วมและน้ำรอการระบายเป็นโจทย์ใหญ่ของกรุงเทพมหานครที่ประชาชนเผชิญมานาน ทุกครั้งที่ฝนตกหนัก ภาพของถนนที่จมอยู่ใต้น้ำ รถติดยาว และบ้านเรือนเสียหายมักปรากฏให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะมีการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่คำถามคือ กรุงเทพฯ จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้จริงหรือไม่?

สาเหตุสำคัญของน้ำท่วม

น้ำท่วมกรุงเทพฯ เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่ซ้อนทับกัน ได้แก่

1.    น้ำเหนือ ฝนจากภาคเหนือและภาคกลางตอนบนไหลมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนถึงกรุงเทพฯ หากระบายน้ำไม่ทัน จะเอ่อท่วมพื้นที่ริมตลิ่ง

2.    น้ำหนุน ในช่วงที่ระดับน้ำทะเลสูง น้ำจากอ่าวไทยไหลย้อนเข้ามา ทำให้น้ำฝนในเมืองระบายออกไม่ได้ ขณะเดียวกันกรุงเทพฯ ก็มีพื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติลดลง

3.    น้ำฝน ฝนที่ตกโดยตรงในกรุงเทพฯ มักมีปริมาณเกิน 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง แต่ระบบท่อที่ออกแบบมาให้รองรับเพียง 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ไม่เพียงพอ อีกทั้งกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้ระดับน้ำทะเล ทำให้กลายเป็นแอ่งรองรับน้ำ

4.    การบริหารจัดการยังขาดประสิทธิภาพ ทั้งจากท่อระบายน้ำที่เล็กหรืออุดตัน ไม่มีพื้นที่แก้มลิงเพียงพอ และระบบสูบน้ำที่ยังไม่สามารถรองรับฝนตกหนักต่อเนื่องได้


นอกจากนี้ โครงสร้างที่ยังไม่ทันสมัยพอก็เป็นปัจจัยหนึ่ง นั่นเป็นเพราะกรุงเทพฯ มีท่อระบายน้ำยาวกว่า 6,500 กิโลเมตร ส่วนใหญ่กว้างเพียง 30–60 เซนติเมตร ไม่เพียงพอต่อปริมาณฝนที่มากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากในหลายจุด เช่น ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรัชดาภิเษก ถนนพหลโยธิน ถนนราชวิถี ถนนพญาไท ถนนศรีอยุธยา ถนนจันทน์ ถนนสวนพลู ถนนสาธุประดิษฐ์ ถนนสุวินทวงศ์ ถนนเพชรเกษม และถนนบางขุนเทียน–ชายทะเล ซึ่งล้วนเป็นจุดที่ประชาชนคุ้นเคยกับภาพน้ำขังเป็นประจำ


นอกจากฝนและการบริหารจัดการแล้ว กรุงเทพฯ ยังเผชิญกับ การทรุดตัวของแผ่นดิน ที่เฉลี่ยปีละ 1–2 เซนติเมตร ปัจจุบันกรุงเทพฯ สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1.5 เมตร และพื้นที่กว่า 96% เป็นที่ลุ่มต่ำ หากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ความเสี่ยงที่น้ำท่วมรุนแรงก็จะยิ่งมากขึ้น


ในขณะเดียวกัน การขยายตัวของเมืองทำให้พื้นที่รับน้ำธรรมชาติ เช่น หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง เหลือไม่ถึงหนึ่งในสามของอดีต ส่งผลให้ความสามารถในการกักเก็บน้ำตามธรรมชาติลดลงอย่างน่าเป็นห่วง

กรุงเทพมหานครได้ลงทุนสร้าง อุโมงค์ระบายน้ำ ที่เปรียบเสมือน “ทางด่วนน้ำ” เพื่อเร่งระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้มากกว่าท่อธรรมดา ปัจจุบันใช้งานแล้ว 4 แห่ง เช่น อุโมงค์คลองแสนแสบ และอุโมงค์คลองบางซื่อ และยังมีอีก 4 โครงการที่กำลังก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จระหว่างปี 2569–2571 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำได้มากขึ้น


สาเหตุของปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ มาจากทั้งน้ำเหนือ น้ำหนุน น้ำฝน และการจัดการน้ำที่ยังไม่สมบูรณ์ แม้จะมีความพยายามพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่หากขาดการวางแผนแบบบูรณาการที่คำนึงถึงการใช้พื้นที่รับน้ำ การปรับปรุงท่อระบายน้ำ การบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง และการเตรียมพร้อมต่อภาวะโลกร้อน ปัญหาน้ำรอการระบายก็จะยังคงเป็น “ความจริงที่คนกรุงเทพฯ ต้องยอมรับ” ต่อไป

ท้ายที่สุดแล้ว คำตอบว่ากรุงเทพฯ จะปลอดภัยจากน้ำท่วมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและการบริหารจัดการของผู้บริหารเมือง ที่ต้องมองปัญหาอย่างเป็นระบบและจริงจัง


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง