รีเซต

จีนเทคแอคชั่นอย่างไร? หลังพบเคสโควิด-19 ผุดประปรายในหลายเมือง

จีนเทคแอคชั่นอย่างไร? หลังพบเคสโควิด-19 ผุดประปรายในหลายเมือง
Xinhua
1 สิงหาคม 2564 ( 10:56 )
31
จีนเทคแอคชั่นอย่างไร? หลังพบเคสโควิด-19 ผุดประปรายในหลายเมือง

 

ปักกิ่ง, 1 ส.ค. (ซินหัว) -- หลังจีนเผชิญยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เพิ่มขึ้นประปรายเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลระดับต่างๆ ทั่วประเทศก็ได้ดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่กระจายของโรคอย่างเป็นระบบระเบียบโดยทันที

 

 

การติดเชื้อรอบนี้เริ่มต้นขึ้นที่นครหนานจิง เมืองเอกของมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน เมืองใหญ่ซึ่งมีประชากรมากกว่า 9.3 ล้านคน หลังพบพนักงานทำความสะอาด 9 รายในสนามบินนานาชาติหนานจิง ลู่โข่ว มีผลตรวจเป็นบวก ระหว่างการทดสอบตามปกติ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. โดยเมื่อนับถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ก.ค.) หนานจิงรายงานยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อในท้องถิ่นแล้ว 190 ราย

 

 

จนถึงช่วงเที่ยงวันเสาร์ (31 ก.ค.) หนานจิงได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงโรคโควิด-19 ระดับปานกลางแล้ว 30 แห่ง และพื้นที่ความเสี่ยงสูง 1 แห่ง และปิดสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งของเมือง พร้อมกันนั้นยังประกาศแผนงานฆ่าเชื้อที่สนามบินนานาชาติลู่โข่วเป็นเวลา 10 วัน ตลอดจนเร่งจัดทำแผนงานฆ่าเชื้อในที่พักอาศัยของบรรดาเจ้าหน้าที่สนามบิน

 

 

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทดสอบกรดนิวคลีอิก หนานจิงได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการขั้นสูงแบบพองลมเพื่อใช้ทดสอบเชื้อขึ้น 6 แห่ง สามารถคัดกรองเชื้อให้ประชาชนได้มากถึง 1.8 ล้านคนทุกวัน และได้ทำการทดสอบทั่วเมืองแล้วถึง 3 รอบด้วยกัน

 

 

เจ้าหน้าที่กล่าวเมื่อวันเสาร์ (31 ก.ค.) ว่าหนานจิงจะจัดการฉีดวัคซีนให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการรับวัคซีนโดสที่ 2 ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทางการหนานจิงกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า จากการจัดลำดับจีโนมพบว่าไวรัสที่พบล้วนเป็นสายพันธุ์เดลตาที่มีอัตราการแพร่เชื้อสูง

 

 

นอกจากนี้นครหยางโจวในมณฑลเจียงซู ก็มีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นรวม 16 ราย ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (29 ก.ค.) โดยผู้ป่วยรายแรกเดินทางมาจากหนานจิง

 

 

เมื่อวันเสาร์ หยางโจวระงับเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศทั้งหมดของท่าอากาศยานนานาชาติไถโจว และปิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสำคัญๆ อันรวมถึงทะเลสาบโซ่วซีหูและวัดต้าหมิง

 

 

นอกจากนี้จีนยังพบผู้ป่วยแบบประปรายและการติดเชื้อแบบคลัสเตอร์ในส่วนอื่นๆ ของประเทศ โดยผู้ป่วยรอบล่าสุดส่วนมากล้วนมีประวัติการเดินทางไปยังจางเจียเจี้ย สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกในมณฑลหูหนานทางตอนกลางของประเทศ โดยจางเจียเจี้ยพบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อในท้องถิ่นแล้ว 5 ราย นับตั้งแต่วันพฤหัสบดี (29 ก.ค.) และได้สั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดของเมือง พร้อมยกระดับพื้นที่ 11 แห่ง ให้เป็นพื้นที่เสี่ยงปานกลางเมื่อวันศุกร์  (30 ก.ค.)

 

 

จางเจียเจี้ยยังกำหนดให้นักท่องเที่ยวที่ติดค้างทุกคนต้องได้รับการทดสอบกรดนิวคลีอิกครบ 3 ครั้ง ก่อนจะออกจากเมืองได้ และผลลัพธ์ทั้งหมดจะต้องเป็นลบ ทั้งยังมีการจัดตั้งช่องฉุกเฉินสำหรับพวกเขาเหล่านี้ในสถานที่ทดสอบทุกแห่งทั่วเมือง ขณะที่หน่วยงานรัฐท้องถิ่นได้ประสานงานกับตัวแทนท่องเที่ยวและโรงแรมเพื่อให้บริการที่จำเป็นแก่นักท่องเที่ยวก่อนที่พวกเขาจะเดินทางออกจากเมือง

 

 

ด้านนครเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลเหอหนาน ซึ่งเพิ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ได้กำหนดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงโควิด-19 ระดับสูง 1 แห่ง และระดับปานกลาง 3 แห่ง เมื่อวันเสาร์ (31 ก.ค.) โดยทั้งหมดล้วนอยู่ในเขตเอ้อร์ชี สืบเนื่องจากพบผู้ป่วยโควิด-19 แบบไร้อาการ 1 ราย และผู้ป่วยต้องสงสัยอีกหลายรายในวันดังกล่าว พร้อมวางแผนการจัดทดสอบกรดนิวคลีอิกทั่วเมืองอย่างทันท่วงที

 

 

นับตั้งแต่วันพุธ (28 ก.ค.) กรุงปักกิ่งรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 ในท้องถิ่นแล้ว 2 ราย โดยเป็นคู่สามีภรรยาที่เพิ่งกลับมาจากจางเจียเจี้ยเมื่อไม่นานนี้ นอกจากนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีเจ้าหน้าที่รัฐรายงานว่าย่านที่พักอาศัย 9 แห่งในเขตชางผิงล้วนอยู่ภายใต้ระบบการจัดการแบบปิดแล้ว โดยมีจำนวนผู้อยู่อาศัยรวมประมาณ 41,000 คน

ปักกิ่งได้กระตุ้นให้ป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในช่วงวันหยุดฤดูร้อน และเสริมสร้างระบบการจัดการนักท่องเที่ยวขาเข้าและขาออก โดยรัฐบาลปักกิ่งระบุว่าจะบังคับใช้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวดเช่น จำกัดการเดินทางของผู้คน ตรวจวัดอุณหภูมิ ตรวจสอบรหัสสุขภาพ และการสวมหน้ากากอนามัยในสวนสาธารณะ จุดชมวิว และสถานีการเดินทางต่างๆ

 

 

อย่างไรก็ดี จางเหวินหง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชื่อดังชาวจีนกล่าวว่ายังไม่พบผู้ติดเชื้อในชุมชนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การติดเชื้อของคลัสเตอร์สนามบินหนานจิง ซึ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์การระบาดยังอยู่ภายใต้การควบคุม

 

 

ด้านเส้าอีหมิง นักวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีน กล่าวว่าจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นนั้นยังคงจำกัดอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในหลายประเทศและภูมิภาคอื่นๆ ของโลก

 

 

"เมื่อดูจากประสบการณ์ของเราตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว เราสามารถตรวจพบการแพร่ระบาดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อควบคุมโรคได้ภายในไม่กี่สัปดาห์" เส้ากล่าว พร้อมระบุว่าจะยังคงมีแรงกดดันนี้ต่อไปในอนาคต แต่จีนก็มีการกระชับมาตรการป้องกันและควบคุมให้เหนียวแน่นขึ้นเช่นกัน

 

 

"ปีที่แล้ว เรามีเพียงมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุขตามปกติเท่านั้น แต่ปีนี้เรามีวัคซีนตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้เราสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นผ่านวิธีการทั้งสองทาง" เขากล่าวเสริม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง