#LetTheEarthBreath เมื่อนักวิทยาศาสตร์ออกมาประท้วงการใช้พลังงานฟอสซิล
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change, IPCC) ออกรายงานเตือนความยาวกว่า 3,000 หน้า ให้มีการหยุดหรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างช้าที่สุดภายในปี 2025 ต้องลดลงให้ได้ 43 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030 และต้องลดลง 84 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2050 นอกจากนี้การใช้ถ่านหินทั่วโลกจะต้องลดลง 95 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2050
"หากเราต้องการจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส แต่ไม่มีการลดการปล่อยมลพิษในทุกภาคส่วนในทันทีและในเชิงลึก เรื่องนี้ก็จะเป็นไปไม่ได้"- จิม สเคีย (Jim Skea) ประธานร่วมของ IPCC กล่าว
การเพิ่มขึ้นของตัวเลขจาก 1.5 เป็น 2,3 หรือ 4 อาจดูเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมาก แต่ในทางปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขอุณหภูมิเพียงน้อยนิดนั้นหมายถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่มหาศาล ยกตัวอย่างปัญหาน้ำแข็งขั้วโลกละลายที่เรากำลังเผชิญในตอนนี้
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลของอังกฤษได้อนุมัติให้มีการทำโรงงานพลังงานฟอสซิล และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไป นักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกจึงได้ออกมาประท้วงให้รัฐบาลมีมาตรการที่จริงจังเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน
การประท้วงในลอสแอนเจลิส หน้าสำนักงานของบริษัทเจพีมอร์แกนเชส (JPMorgan Chase) อันเป็นบริษัทที่มีการระดมทุนด้านเชื้อเพลิงฟอสซิลสูงถึง 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 12,800 ล้านบาท ปีเตอร์ คาลมุส (Peter Kalmus) นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากนาซา (National Aeronautics and Space Administration, NASA) ได้มัดข้อมือของเขาไว้กับประตูหน้าของสำนักงาน ผู้ร่วมประท้วงเองก็ได้ปักหลักบริเวณหน้าสำนักงานเป็นสถานที่ประท้วงเช่นกัน
ภายหลังจากที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ รวมถึงปีเตอร์ คาลมุสและผู้ร่วมประท้วงอีกจำนวนหนึ่งถูกจับกุมตัวระหว่างการประท้วง คลิปวิดีโอและรูปภาพได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตจำนวนมากจึงได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับสถานการณ์ดังกล่าว บางส่วนก็ออกมาประณามการกระทำของรัฐบาล บางส่วนก็ออกมาเชิญชวนให้ผู้คนร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชีวิตประจำวันด้วยเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ
ไม่เพียงแต่ในลอสแอนเจลิสเท่านั้นที่มีการจับผู้ประท้วง ในประเทศอังกฤษ และอื่น ๆ นักวิทยาศาสตร์และผู้ร่วมประท้วงก็ถูกอุ้มออกจากจุดประท้วงเช่นเดียวกัน
ข้อมูล www.smithsonianmag.com
ภาพจาก @ScientistRebel1/Twitter