"บ้านหนองจาน" จ.สระแก้ว เป็นอธิปไตยไทย แต่ทำไมชาวกัมพูชากล้าเคลมเป็นเจ้าของ

จากเหตุชุลมุนที่ชาวกัมพูชาเข้ามารื้อรั้วลวดหนาม ที่ทหารไทยวางไว้บริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว พร้อมระบุว่า พื้นที่บ้านหนองจานเป็นของกัมพูชานั้น 

ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมชาวกัมพูชาจำนวนมาก ถึงเข้ามาอาศัยในเขตอธิปไตยไทยได้

กองทัพบกและรัฐบาลไทย ออกมาชี้แจงอย่างต่อเนื่องว่า เรื่องนี้ ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยสงครามการสู้รบในกัมพูชา ปี พ.ศ. 2520 

รัฐบาลไทยได้ให้ชาวกัมพูชาอพยพลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทยชั่วคราว ตามหลักน้ำใจและมนุษยชน และกำหนดให้พื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านหนองจาน เป็นค่ายผู้อพยพขนาดใหญ่

ในเวลานั้น มีชาวกัมพูชาอพยพเข้ามาในพื้นที่นี้กว่า 13,000 คน และมีองค์กรระหว่างประเทศ นำอุปกรณ์ทำนาและหาปลา มามอบให้ชาวกัมพูชา เพื่อทำกินในแผ่นดินไทย โดยมีสัญลักษณ์สำคัญคือการขุดสระน้ำยูเอ็น เพื่อเป็นน้ำดื่มใช้ให้ผู้อพยพ

ปัญหาคือ เมื่อการสู้รบสงบลง ชาวกัมพูชากลุ่มนี้กลับไม่ได้เดินทางกลับเข้ากัมพูชา แต่ปักหลักอาศัยอยู่ในประเทศไทย

พื้นที่ส่วนนั้น มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม เป็นพื้นที่ป่าส่วนหนึ่งของบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว อยู่ตรงข้ามอำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา 

ผู้ว่าราชการจังหวัดยืนกรานว่า ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ไม่มีการออกบ้านเลขที่ และชาวกัมพูชาเหล่านี้ ซึ่งมีประมาณ 170 ครัวเรือน หรือราว 600 คน ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาของประเทศไทย 

คำถามต่อมาคือ ชาวกัมพูชาเหล่านี้ล่วงล้ำอาศัยจนกลายเป็นชุมชนใหญ่มานานหลายสิบปี จุดยืนของรัฐบาลไทยคืออะไร

รัฐบาลไทย ชี้แจงว่า นี่เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ปี 2543 ชัดเจน และมีการประท้วงต่อเนื่องมาตลอด ผ่านกลไกทวิภาคี อาทิ JBC มาตั้งแต่ปี 2557

แต่รัฐบาลกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตนเป็นกำแพงมนุษย์ และเครื่องมือรุกล้ำเขตแดนของไทยอย่างผิดกฎหมาย และยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดชายแดน  

รวมถึงการติดตั้งแนวรั้วลวดหนามในดินแดนของไทย เป็นสิทธิในการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย 

ด้านจุดยืนของกองทัพบก มองพฤติการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาว่า มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่การดำเนินการของทหารไทย ก็อดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ฝ่ายกัมพูชา พยายามนำภาพหรือสร้างหลักฐานนำไปบิดเบือนต่อไปได้