รีเซต

ทรัมป์ต่อสายคุยอนุทิน-ฮุน มาเนต ลั่น "ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี" แม้ชายแดนกลับมาเครียด

ทรัมป์ต่อสายคุยอนุทิน-ฮุน มาเนต ลั่น "ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี" แม้ชายแดนกลับมาเครียด
TNN ช่อง16
15 พฤศจิกายน 2568 ( 12:28 )
2

เมื่อวานนี้ (14 พฤศจิกายน) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลับมาตึงเครียด ว่า “ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี” หลังจากที่เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับทั้งนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา


นอกจากการพูดคุยกับผู้นำสองประเทศแล้ว ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ทรัมป์ยังได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ถึงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ด้วย โดยที่อันวาร์ได้รายงานความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์บริเวณชายแดนแก่ทรัมป์และได้กล่าวถึงความพร้อมของไทยและกัมพูชาที่จะใช้วิธีทางการทูตเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม


สำนักข่าว Bernama ของมาเลเซียรายงานด้วยว่า อันวาร์กล่าวกับทรัมป์ว่าทั้งไทยและกัมพูชาต่างได้ถอนนกองกำลังทหารออกจากชายแดนแล้วซึ่งเป็นไปตามปฏิญญาสันติภาพที่ได้ตกลงร่วมกันที่กรุงกัมลาลัมเปอร์ รวมถึงชื่นชมบทบาทของทรัมป์ที่ยังคงติดตามสถานการณ์กับนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชาเพื่อทำให้มั่นใจความความขัดแย้งใดๆ จะได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระเบียบที่จะนำมาสู่การสร้างเสถียรภาพ ความมั่นคง และความสามัคคี ในภูมิภาคต่อไป


ขณะที่ ผู้นำมาเลเซีย ได้โพสต์ข้อความว่า นอกเหนือจากการพูดคุยทางโทรศัพท์กับทรัมป์แล้ว เขายังได้พูดคุยกับ นายกรัฐมนตรีไทย อนุทิน ชาญวีรกูล และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยทั้งสองผู้นำได้ยืนยันความมุ่งมั่นในการหาทางออกด้วยสันติภาพและยืนยันจะปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้อันวาร์ยังได้ยืนยันถึงบทบาทของมาเลเซียที่จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและตัวกลางในสันทางแห่งสันติภาพนี้ต่อไป ซึ่งทั้งผู้นำไทยและกัมพูชาได้แสดงความขอบคุณบทบาทของมาเลเซียที่ไม่ใช่แค่การเป็นประธานอาเซียนแต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรารถนาความสงบสุขในภูมิภาคด้วย


ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาความสถานการณ์บริเวณชายแดนปะทุอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดใหม่ของกัมพูชาจนได้รับบาดเจ็บและต้องสูญเสียอวัยวะ จนทำให้ทางการไทยตัดสินใจที่จะระงับปฏิญญาสันติภาพที่ได้ลงนามร่วมกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียโดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางมาเป็นพยานในการลงนามครั้งนั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง