รีเซต

สแกมเมอร์ "กัมพูชา" พ่นพิษ นักท่องเที่ยวต่างชาติผวา ยอดเข้าประเทศหายวูบ สะเทือนถึงท่องเที่ยว "ไทย"

สแกมเมอร์ "กัมพูชา" พ่นพิษ นักท่องเที่ยวต่างชาติผวา ยอดเข้าประเทศหายวูบ สะเทือนถึงท่องเที่ยว "ไทย"
TNN ช่อง16
18 พฤศจิกายน 2568 ( 08:00 )

 "สแกมเมอร์" กัมพูชา พ่นพิษ นักท่องเที่ยวต่างชาติหายวูบ สะเทือนถึงท่องเที่ยว "ไทย"


"กัมพูชา" สะเทือนหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง  ผวาปม "สแกมเมอร์"  หวัง "สนามบินเตโช" ช่วยหนุนตลาดในอนาคต 


ภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจกัมพูชา แต่วันนี้หลายปัจจัยมาเขย่า ทำให้ทิศทางการเติบโตไม่สดใสเหมือนก่อน ข้อมูลล่าสุดจากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยว ของกัมพูชา เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 หรือนับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนที่ผ่านมา ประเทศกัมพูชามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศรวม 4.37 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า


โดยตัวเลขทั้งหมดใน 9 เดือนแรกนี้  คนไทยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนกัมพูชามากที่สุด ตามมาด้วยเวียดนามและจีน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 978,826 คน (ลดลง 35.9%) และชาวเวียดนาม 906,398 คน (ลดลง 6.9%) ในขณะเดียวกัน มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเยือน 889,089 คน (เพิ่มขึ้น 46.3%)


ความเห็นจาก "ธง เมงดาวิด" อาจารย์จากสถาบันการระหว่างประเทศศึกษาและนโยบายสาธารณะ สากลวิทยาลัยภูมินท์พนมเปญ กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า สาเหตุที่นักท่องเที่ยวต่างชาติดลดลง มาจากภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ชะลอตัว และมองว่าเป็นผลจากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากเหล่าประเทศเพื่อนบ้านซึ่งอาจจะดึงดูดนักท่องเที่ยวไปได้ และชี้ว่ากัมพูชาเองยังมีปัญหาเรื่องการเดินทางด้านการเชื่อมต่อทางอากาศและความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย 


และมีความหวังว่า การเปิดใช้สนามบินใหม่ สนามบินนานาชาติเตโชจะเป็นผลดีในอนาคต เพราะจะกลายเป็นประตูหลักสู่กัมพูชา เนื่องจากสนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จะมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างประเทศให้ดีขึ้น


อย่างไรก็ตามนักวิชาการในกัมพูชาจะไม่ได้กล่าวถึงความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ส่งผลไปถึงการปิดด่านชายแดน รวมไปถึงประเด็นสแกมเมอร์ที่กำลังเป็นอื้อฉาว เป็นข่าวใหญ่คึกโครมไปทั่วโลก โดยเฉพาะรัฐบาลเกาหลีใต้ที่เอาจริง ตั้งใจกวาดล้างขบวนการดังกล่าว หลังมีผู้เสียหายเป็นพลเมืองชาวเกาหลีใต้ 


และเรื่องนี้ก็มีผลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังกัมพูชาของชาวเกาหลีใต้ หลังจากรัฐบาลได้ออกคำเตือน พร้อมกับรายงานข่าวในประเทศที่ออกมาแฉเรื่องสแกมเมอร์อย่างหนัก 




ข้อมูลจากเว็บไซต์โคเรีย อีโคโนมิก เดลี (Korea Economic Daily) รายงานเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568  ระบุว่า ข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชาทำให้ชาวเกาหลีใต้เกิดความหวาดระแวงในการเดินทาง ซึ่งนอกจากกัมพูชาที่รัฐบาลเกาหลีใต้ออกคำเตือนแล้ว แถมประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชา อย่างเช่น ไทย ลาว และฟิลิปปินส์โดนร่างแหไปด้วย แต่ในทางตรงกันข้ามประเทศเวียดนามกลับไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้


รายงานข่าวระบุว่า ไทย ลาว และฟิลิปปินส์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยผู้บริหารบริษัทท่องเที่ยวรายหนึ่งในเกาหลีใต้เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ที่กัมพูชา ยอดจองเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใกล้เคียง เช่น ไทยและลาว ลดลงอย่างหนัก ส่งผลให้สายการบินหลายแห่งต้องยอมลดราคาเพื่อให้มีผู้โดยสารเต็มลำ


อย่างไรก็ตาม กรณีของเวียดนาม ซึ่งอยู่ติดกับกัมพูชา สถานการณ์กลับแตกต่างออกไป ปรากฎว่าความต้องการเดินทางไปเที่ยวเวียดนามในหมู่ชาวเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในระดับสูง เห็นได้จากช่วงวันหยุดยาวของเกาหลีใต้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่ายอดจองแพ็กเกจทัวร์ไปฮานอยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดจองไปไทยและฟิลิปปินส์ลดลงประมาณ 10%


ส่วนความเห็นในเรื่องนี้จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้มองว่า แนวโน้มความต้องการเดินทางของชาวเกาหลีใต้จะยังคงกระจุกตัวอยู่ในญี่ปุ่นและเวียดนามไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนจีนเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่มาแรง โดยได้อานิสงส์จากมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับชาวเกาหลีใต้ที่เริ่มใช้ในช่วงปลายปี 2567


ขณะเดียวกันข้อมูลเรื่องนี่้ ถือว่าสอดคล้องกับรายงานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่ล่าสุด คาดการณ์ว่าปัญหาสแกมเมอร์ จะมาฉุดทำให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปีนี้ลดลง 


 โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าแนวโน้มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2568 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 33.4 ล้านคน ลดลง 6% จากปีที่แล้ว 2567 ที่มี 35.54 ล้านคน เช่นเดียวกับรายได้ที่จะลดลงไป 5% เหลืออยู่ที่ประมาณ 1.51 ล้านล้านบาท 


สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากกระแสข่าวการค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ในประเทศไทย ซึ่งสร้างความวิตกกังวลแก่นักท่องเที่ยวอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ ซึ่งต้องมีการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนเพื่อดึงกลุ่มนี้กลับเข้ามา 


สำหรับแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติในตลาดระยะใกล้ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ หรือปลายปีนี้ พบว่า ประเทศมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1%, จีน ลดลงมากถึง 35%, อินเดีย เพิ่มขึ้น 12%, เกาหลีใต้ ลดลง 9% และสิงคโปร์ ลดลง 3% 


"เกาหลีใต้" เอาจริง ลุยปราบ "สแกมเมอร์" ในกัมพูชา

 

กวาดล้างสแกมเมอร์ในกัมพูชา เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ที่หลายชาติเดินหน้าหาทางบีบและคว่ำบาตร โดยเฉพาะรัฐบาลเกาหลีใต้ที่เอาจริงลุยและบุกไปถึงที่  


โช ฮยอน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ เข้าพบฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาค หลังเกิดคดีนักศึกษาชาวเกาหลีถูกทรมานจนเสียชีวิตในกัมพูชา ซึ่งสร้างความสะเทือนใจและไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคมเกาหลีใต้


ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งสัปดาห์  กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนกัมพูชาของโชในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันความร่วมมือในการกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ในกัมพูชา และเตรียมจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจร่วมระหว่างตำรวจสองประเทศ


ทางการเกาหลีใต้ระบุว่า ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชามีแรงงานจากหลายประเทศกว่า 200,000 คน ในจำนวนนี้ประมาณ 1,000 คนเป็นชาวเกาหลีใต้ โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา ชาวเกาหลีใต้จำนวน 64 รายถูกควบคุมตัวในกัมพูชาในข้อหาเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ และถูกส่งกลับประเทศโดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และกว่า 50 คนถูกจับกุมทันทีหลังเดินทางถึงเกาหลีใต้ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางออนไลน์


ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกรณีของพัค มินโฮ นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ที่ถูกแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชาหลอกลวงและทรมานจนเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ซึ่งสร้างความโกรธแค้นในสังคมเป็นอย่างมาก จนนำไปสู่การที่รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งทีมเฉพาะกิจเดินทางไปกัมพูชาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน