รีเซต

เครดิตประเทศลดไม่สะเทือน เหตุไทยกู้หนี้ต่างประเทศน้อย

เครดิตประเทศลดไม่สะเทือน เหตุไทยกู้หนี้ต่างประเทศน้อย
ทันหุ้น
29 กันยายน 2568 ( 18:17 )

#เครดิตไทย #ทันหุ้น – “วรภัค” ระบุ จะเร่งวางรากฐานของ Fiscal Consolidation เพื่อสร้างความมั่นคงทางการคลัง ยันเครดิตประเทศลดไม่สะเทือน เพราะไทยกู้ต่างประเทศน้อย ปฏิเสธขึ้นแวต ระบุ รัฐบาลอยู่ได้แค่ 4 เดือน

นายวรภัค  ธันยาวงษ์  รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงการคลังวันที่ 25 กันยายนว่า ในช่วง 4 เดือนของรัฐบาลชุดนี้ กระทรวงการคลังจะวางรากฐานของ Fiscal Consolidation เพื่อสร้างความมั่นคงทางการคลัง

*ไม่ขึ้น VAT

ขณะเดียว นายวรภัค  ปฏิเสธการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จากที่ก่อนหน้านี้เขาเคยโพสต์ในเฟซบุ๊ก (FB) ว่า ควรมีการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่ง นายวรภัค กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงที่จะมีการปรับขึ้น VAT ในขณะนี้ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลชั่วคราว (Interim) เพียง 4 เดือน

“ในสี่เดือนเราพยายามที่จะทำให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ขับเคลื่อนผลักดันตามนโยบายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการคนละครึ่ง เสริมสภาพคล่อง ลดหนี้ และเรื่องพลังงาน และพยายามเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐ” นายวรภัค กล่าว

นายวรภัค กล่าวอีกว่า ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายเอกนิติ  นิติทัณฑ์ประกาศ นั้น กระทรวงการคลังจะพยายาม ริเริ่ม วางฐานของ Fiscal  Consolidation  ตั้งแต่เรื่องการจัดเก็บ ค่าใช้จ่าย และหนี้ อย่างน้อยมีวินัย มีความยั่งยืน มั่นคงมากขึ้น เพราะถ้าดูจาก Rating ปรับ Outlook เป็น Negative หลักๆ มาจาก 2 อัน เรื่องการเมือง เรื่องความมั่นคง กับเรื่องวินัยการเงินการคลัง ที่ฐานะการคลังมันยวบไปเรื่อยๆ

“อย่างไรก็ตามเรื่อง Credit Rating ไม่สะเทือนเรา เพราะเรากู้จากต่างประเทศน้อยมาก” นายวรภัค กล่าว

*หนี้สาธารณะอยู่ที่ 64%

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (PDMO) ระบุว่า ณ เดือนกรกฎาคมนี้  รัฐบาลมีหนี้สาธารณะรวม 12.12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.49 % ของ GDP โดยในจำนวนนี้ เป็นหนี้ในประเทศ 99.16 % และเป็นหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศ 0.84%

ก่อนหน้านี้ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายเอกนิติ นิติทัณฑประภาศ กล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอ ครม.เพื่อปรับ Medium Term Fiscal Framework (MTFF) เพื่อสร้างความมั่นใจให้เห็นว่าแผนชัดเจนที่ต้องการปฏิรูปการคลัง จะทำอะไรบ้าง ที่ทำได้จะทำเลย ที่ทำไม่ได้จะทำเป็นแผนไว้ เพราะรัฐบาลช่วง 4 เดือน

จากข้อมูลของสศค.พบว่า ในปีงบประมาณ 2566  รัฐบาลขาดดุลงบประมาณเป็นสัดส่วนต่อ GDP ที่ 2.80%  ขณะที่ระดับที่เอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพด้านหนี้ อยู่ที่  2.47%,ปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลขาดดุลต่อ GDP ที่  3.72%  ขณะที่ระดับที่เอื้อต่อเสถียรภาพด้านหนี้อยู่ที่  1.82%  และล่าสุดปีงบประมาณ 2568  รัฐบาลขาดดุลสูงถึง 4.91% ขณะที่ระดับที่เอื้อต่อเสถียรภาพด้านหนี้อยู่ที่  1.72% จะเห็นได้ว่าระดับการขาดดุลของรัฐบาล ถ่างออกจากระดับที่จะทำให้หนี้ของรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับแนวคิดการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ที่ผ่านมามีการเสนอให้ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยสศค.ระบุว่าการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 1 % จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 7 หมื่นล้านบาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง