รีเซต

บริษัท Nissan จับมือ Wayve พัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ เตรียมติดตั้งในรถยนต์รุ่นใหม่ปี 2027

บริษัท Nissan จับมือ Wayve พัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ เตรียมติดตั้งในรถยนต์รุ่นใหม่ปี 2027
TNN ช่อง16
12 เมษายน 2568 ( 11:52 )
10

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท เวฟ (Wayve) สตาร์ตอัปจากสหราชอาณาจักร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมายในการบูรณาการซอฟต์แวร์ Self-Learning อันล้ำสมัยของ Wayve เข้ากับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ProPilot ของ Nissan โดยตั้งเป้าเริ่มติดตั้งในรถยนต์รุ่นใหม่ภายในปี 2027

ความร่วมมือครั้งนี้ตอกย้ำศักยภาพของ Wayve ซึ่งสามารถระดมทุนได้มากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 47,000 ล้านบาท จากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ อาทิ Nvidia, Microsoft, SoftBank Group และ Uber ซอฟต์แวร์ของ Wayve จะถูกนำมาผนวกรวมเข้ากับระบบ ProPilot ร่วมกับเซ็นเซอร์หลากหลายชนิด รวมถึงเทคโนโลยีไลดาร์ (lidar) โดยยังไม่เปิดเผยชื่อผู้ผลิต โดย Nissan ตั้งเป้ายกระดับความสามารถในการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ พร้อมรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

ความร่วมมือระหว่างบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) และ เวฟ (Wayve) ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ Wayve พัฒนาขึ้น โดย Nissan วางแผนนำซอฟต์แวร์ของ Wayve รวมถึงเซ็นเซอร์หลากหลายประเภท ซึ่งครอบคลุมถึงเทคโนโลยี lidar จากผู้ผลิตที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ มาผนวกรวมเข้ากับระบบ ProPilot เพื่อยกระดับมาตรฐานใหม่ของการขับขี่อัตโนมัติในอนาคต

พร้อมเสริมขีดความสามารถในการหลีกเลี่ยงการชนขั้นสูง ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายนี้ระบุว่า ระบบที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตจำนวนมากภายในปี 2027 จะเป็นระบบ Level 2 ตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ (SAE) ซึ่งหมายถึงระบบที่สามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Automate) งานขับขี่ได้หลากหลาย เช่น การบังคับเลี้ยวและการเบรก แต่ยังคงต้องการให้ผู้ขับขี่เฝ้าระวังและควบคุมรถอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม Nissan ยังมิได้เปิดเผยถึงรุ่นรถยนต์ที่จะได้รับการติดตั้งระบบดังกล่าว

สำหรับบริษัท เวฟ (Wayve) ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ได้สร้างความโดดเด่นด้วยแนวทางการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Learning) ซึ่งแตกต่างจากระบบที่อิงตามกฎเกณฑ์ (Rules-Based) และมีความคล้ายคลึงกับแนวทางของเทสลา (Tesla) บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการเรียนรู้แบบครบวงจร (End-to-End Data-Driven Learning) สำหรับทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบมีผู้ควบคุม ("Eyes On" Assisted Driving) และระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบแบบไร้ผู้ควบคุม ("Eyes Off" Fully Automated Driving)

สิ่งที่น่าสนใจ คือ เวฟ (Wayve) มีแผนธุรกิจที่แตกต่างจากเทสลา (Tesla) โดยมุ่งเน้นไปที่การจำหน่ายเทคโนโลยี Embodied AI หรือ เทคโนโลยี AI ที่สามารถโต้ตอบกับโลกจริงได้อย่างชาญฉลาด ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ซึ่งแนวทางการเรียนรู้ด้วยตนเองของ Wayve ได้รับการพิจารณาว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเซ็นเซอร์เฉพาะเจาะจงหรือแผนที่ความละเอียดสูง (HD Maps) ทำให้ระบบของ Wayve สามารถทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ที่มีอยู่แล้ว เช่น กล้องและเรดาร์ โดยซอฟต์แวร์จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์เหล่านี้เพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจขับขี่โดยตรง

ความร่วมมือระหว่างบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) และ เวฟ (Wayve) ในการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเรียนรู้ด้วยตนเองมาติดตั้งในรถยนต์ Nissan ภายในปี 2027 ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ProPilot ไปอีกขั้น และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 2 มาใช้งานจริงในวงกว้าง โดยอาศัยจุดแข็งของ Wayve ในด้านซอฟต์แวร์ที่ไม่ยึดติดกับเซ็นเซอร์เฉพาะ ทำให้มีความยืดหยุ่นและอาจมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง