"Nissan" ขายสำนักงานใหญ่ในโยโกฮาม่า มูลค่า 630 ล้านดอลลาร์

บริษัท Nissan Motor Co., Ltd. ประกาศขายสำนักงานใหญ่ระดับโลกในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น มูลค่ารวม 97,000 ล้านเยน หรือประมาณ 630 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ให้กับกลุ่มทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ Minth Group ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง การซื้อขายจะดำเนินการผ่านบริษัทจัดตั้งพิเศษภายใต้การบริหารของ KJR Management หน่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกองทุนยักษ์ใหญ่ KKR โดยมี Mizuho Real Estate Management ร่วมเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ในดีลครั้งนี้

ข้อตกลงดังกล่าวอยู่ในรูปแบบ ขายและเช่ากลับ (Sale and Leaseback) ระยะเวลา 20 ปี ซึ่งนิสสันจะยังคงเช่าใช้พื้นที่อาคารสำนักงานใหญ่เพื่อดำเนินงานต่อไปตามปกติ โดยบริษัทคาดว่าจะบันทึกกำไรสุทธิประมาณ 74,000 ล้านเยน จากการขายทรัพย์สินในครั้งนี้ รายได้จากการขายจะถูกนำไปใช้รักษาการลงทุนในโครงการสำคัญ พร้อมปรับปรุงระบบภายในองค์กรให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะในอนาคต

นิสสันระบุว่า การขายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารทุนอย่างมีวินัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์และปลดล็อกมูลค่าจากทรัพย์สินที่ไม่ใช่แกนธุรกิจหลัก ทั้งนี้การดำเนินงานและจำนวนพนักงานของสำนักงานใหญ่จะไม่เปลี่ยนแปลง

การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นิสสันกำลังเผชิญความท้าทายทางการเงินอย่างหนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ก่อนหน้านี้บริษัทได้ประกาศแผนลดต้นทุนครั้งใหญ่ ทั้งการ ลดพนักงานทั่วโลกกว่า 20,000 ตำแหน่ง และการ ปิดสายการผลิตจาก 17 แห่ง เหลือเพียง 10 แห่ง เพื่อฟื้นฟูประสิทธิภาพองค์กรและลดภาระต้นทุนระยะยาว

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นิสสันได้เปิดเผยประมาณการขาดทุนจากการดำเนินงานในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2026 ไว้ที่ 275,000 ล้านเยน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทประกาศแนวโน้มผลประกอบการหลังจากเคยหลีกเลี่ยงการให้ตัวเลขคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้า การขายสำนักงานใหญ่ริมแม่น้ำในโยโกฮาม่าจึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญในการบรรเทาผลกระทบและเสริมกระแสเงินสดให้มั่นคง

สำนักงานใหญ่ของนิสสันแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นจุดศูนย์กลางการดำเนินงานของบริษัทนับตั้งแต่ย้ายออกจากย่านกินซ่า กรุงโตเกียว ในปี 2009 หลังการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ริมแม่น้ำในพื้นที่ที่ถือเป็นต้นกำเนิดของนิสสันในเมืองโยโกฮาม่า

การขายทรัพย์สินครั้งนี้สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของนิสสันในการมุ่งสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน เพื่อรองรับช่วงเวลาท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ในมุมมองของนักวิเคราะห์ ตลาดมองดีลนี้เป็นสัญญาณเชิงบวก ที่นิสสันเริ่มขยับสู่แนวทางการบริหารสินทรัพย์แบบสมัยใหม่ ลดการถือครองอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวเพื่อปล่อยทุนกลับเข้าสู่ระบบการลงทุนและนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นฟูองค์กรในระยะกลางถึงยาว

ข้อตกลงมูลค่า 97,000 ล้านเยนนี้จึงไม่เพียงเป็นการขายอาคารสำนักงานใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นหมุดหมายของการปรับกลยุทธ์และปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งใหญ่ เพื่อให้นิสสันกลับมามีความแข็งแกร่งอีกครั้งในเวทีอุตสาหกรรมยานยนต์โลก