รีเซต

ฝันสลายจากงานรายได้สูงต่างแดน สู่การตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา เกาหลีใต้จะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?

ฝันสลายจากงานรายได้สูงต่างแดน สู่การตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา เกาหลีใต้จะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
TNN ช่อง16
15 ตุลาคม 2568 ( 14:54 )
22

จากความฝันในการหางานต่างแดนที่หลงเชื่อว่ามีรายได้ดีรออยู่ สู่ฝันร้ายกลางดินแดนกัมพูชา สำหรับหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก นี่คือจุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่ในชีวิต แต่ปลายทางกลับเป็นห้องมืดในคาสิโนร้าง ถูกยึดโทรศัพท์และพาสปอร์ต ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน บังคับทำงานสแกมเมอร์ ถูกทรมาน และไม่มีวันกลับบ้านได้อีก

◾️◾️◾️

🔴 ถูกหลอกผ่านประกาศรับสมัครงานต่างแดน รายได้สูง

ตอนนี้ชาวเกาหลีใต้กำลังถูกหลอกลวงจากสแกมเมอร์อย่างหนัก ผ่านประกาศรับสมัครงาน ที่อ้างว่ารายได้สูง ทำงานพาร์ทไทม์ หรือการตลาดผ่านทางโทรศัพท์ แต่จะต้องไปทำงานที่กัมพูชา แต่เมื่อหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้เดินทางไปถึง กลับถูกยึดโทรศัพท์มือถือและพาสปอร์ต ถูกบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์หรือการหลอกลวงเงินผู้คนทางโทรศัพท์ ฉ้อโกงออนไลน์ โดยมีเป้าหมายให้คนเกาหลีใต้หลอกคนเกาหลีใต้ด้วยกันเอง

ข้อมูลจากสำนักข่าว Yonhap เผยว่า บนกระดานประกาศรับสมัครงานในแอปพลิเคชัน Telegram ที่มีห้องลับซึ่งมีผู้เข้าร่วมแชทมากกว่า 7,800 คน มีการโพสต์ข้อความในวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็น "งานที่ให้ค่าตอบแทนสูงที่สุด" และกำลังมองหา "พนักงานการตลาดทางโทรศัพท์” เพื่อทำงานในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา

ผู้เขียนกล่าวว่าเงินเดือนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 15-30 ล้านวอน หรือราว 3.4-6.8 แสนบาท และพนักงานคนหนึ่งได้รับเงิน 45 ล้านวอน หรือมากกว่า 1 ล้านบาทเมื่อเดือนที่แล้ว และโปรโมตเรื่องนี้โดยกล่าวว่าผู้สมัครงานจะได้รับค่าตอบที่สูงอย่างรวดเร็ว และบอกล่วงหน้าเลยว่างานนี้ปลอดภัย ไม่มีการกักขังหรือการทำร้ายร่างกาย และทางบริษัทไม่ทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นโดยไม่มีเหตุผล และไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะผู้บริหารของบริษัทมีแนวคิดแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายในการทำงานร่วมกันเพื่อหารายได้จำนวนมาก

ไม่ใช่แค่ในแอปพลิเคชันเทเลแกรมเท่านั้น แต่ยังมีประกาศรับสมัครงานบน Carrot Market ที่ประกาศให้ค่าตอบแทนคนละ 400,000 วอน หรือราว 9,200 บาท พร้อมข้อความว่า "หาคนช่วยนำเอกสารไปกัมพูชา เราจะออกตั๋วเครื่องบินไป-กลับให้"

◾️◾️◾️

🔴 ตำรวจกัมพูชาประเมินมีแก๊งชาวเกาหลีใต้เกี่ยวข้องราว 2,000 คน

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมา มีรายงานคดีต้องสงสัยลักพาตัว กักขัง หรือสูญหายในกัมพูชามากกว่า 330 กรณี ในจำนวนนี้ 70 คดียังไม่สามารถคลี่คลายได้ ส่วนอีก 10 คดีจาก 220 คดีเมื่อปีที่แล้ว ก็ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจนถึงปัจจุบันรวมแล้วมีคดีที่ยังไม่ยุติทั้งหมด 80 คดี

ข้อมูลจาก The Chosen Daily เปิดเผยว่า สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Institute of Peace-USIP) ระบุว่า อาชญากรรมออนไลน์ในกัมพูชามีมูลค่าสูงถึง 12,500 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว หรือมากกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 27% ของ GDP ของประเทศ โดยมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 150,000 คน แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีชาวจีนอยู่เบื้องหลัง แต่สมาชิกจำนวนมากเป็นชาวเกาหลีใต้ กลุ่มเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ ฉ้อโกงเงินหลายแสนล้านวอนไปจนถึงหลายล้านล้านวอนในแต่ละปี เนื่องจากพวกเขาดำเนินการในต่างประเทศ การจับตัวจึงเป็นเรื่องยาก

ก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวของ The Chosen Daily เดินทางไปถึงกรุงพนมเปญและสีหนุวิลล์เพื่อสืบสวนคดีฉ้อโกงทางโทรศัพท์ พบตำรวจกัมพูชาที่ประเมินว่า มีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 2,000 คนพัวพันกับแก๊งเหล่านี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวต่อสาธารณะ

ในอดีต แก๊งอาชญากรล่อลวงชาวเกาหลีใต้มายังกัมพูชาด้วยข้อเสนอที่คลุมเครือเกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ที่ให้ค่าตอบแทนสูง ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ แต่เมื่อมาถึงกัมพูชาแล้ว เหยื่อถูกลักพาตัวและถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการฉ้อโกงด้วยเสียง แต่หลังจากเรื่องราวต่าง ๆ ถูกสื่อมวลชนเผยแพร่ออกไปมากขึ้น การดำเนินงานเหล่านี้ก็พัฒนาเป็นสิ่งที่บางคนเรียกกันว่า "ธุรกิจสตาร์ทอัปอาชญากรรม" ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีผู้สมัครเข้าร่วมมากขึ้นภายใต้สัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเงินเดือนเดือนละ 2,000-3,000 ดอลลาร์ หรือราว 65,000-98,000 บาท พร้อมเงินจูงใจตามผลงาน หลายคนได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้ และได้รับอนุญาตให้ออกจากสถานที่ทำงาน

◾️◾️◾️

🔴 พยานเผยความโหดร้ายในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา

สำนักข่าว Yonhap ได้สัมภาษณ์พยานที่เคยทำงานให้กับเครือข่ายอาชญากรชาวกัมพูชา พบว่ามีการทรมาน เช่น การดึงเล็บหรือตัดนิ้ว เกิดขึ้นภายในเครือข่าย และยังมีการค้ามนุษย์ที่เหยื่อถูกขายให้กับเครือข่ายอื่นเพื่อแลกกับเงินอยู่บ่อยครั้ง

ค่ายอาชญากรในกัมพูชามีขนาดแตกต่างกันอย่างมาก โดยก่ออาชญากรรมออนไลน์หลากหลายรูปแบบ เช่น โรแมนซ์สแกม ฉ้อโกงทางเสียง และการซื้อขายหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งประเมินว่ามีแก๊งอาชญากรประเภทนี้ประมาณ 400 แก๊งในกัมพูชา

พยานเผยว่า มีสองเหตุผลที่ชาวเกาหลีใต้จำเป็นต้องเข้าร่วมขบวนการอาชญากรรม เหตุผลแรกคือ จำเป็นต้องใช้บัญชีธนาคารเพื่อฟอกเงินที่ได้จากการก่ออาชญากรรม อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อใช้ในการฉ้อโกงทางโทรศัพท์ แชท และบริการลูกค้า ที่เป็นแหล่งรายได้งดงาม โดยมุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งภูมิภาคต่าง ๆ ในกัมพูชาไม่ได้เหมือนกันหมด เมืองชายแดนอย่างปอยเปตและบาเวตเป็นหนึ่งในเมืองที่อันตรายที่สุดและเป็นสถานที่สุดท้ายที่ผู้คนจะถูกส่งไป

พยานยังบอกอีกว่า หากเหยื่อมีหนี้สินและไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย พวกเขาจะถูกบังคับให้ขายอวัยวะ พวกเขาต้องตัดลูกตาออกก่อน เพราะกระจกตาปลูกถ่ายได้ค่อนข้างง่าย และราคาต่อหน่วยก็ค่อนข้างแพง

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในเกาหลีใต้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งที่หายตัวไป ถูกพบเป็นศพใกล้ภูเขาโบกอร์ จังหวัดกำปอต โดยมีร่องรอยจากการถูกทรมานและกักขัง

◾️◾️◾️

🔴 อี แจ-มย็อง ประกาศใช้ทุกมาตรการ เพื่อช่วยพลเมืองเกาหลีใต้

ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ โดยเฉพาะด้านการทูต พร้อมย้ำว่า ควรเน้นความร่วมมือในการสืบสวนและการทูตเป็นหลัก โดยระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม รัฐมนตรีประสานนโยบายรัฐบาล กล่าวว่า “คงจะดีที่สุดหากเราสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องไปถึงขั้นการใช้กำลังทางทหาร แต่รัฐบาลจะพิจารณาทุกทางเลือกที่เป็นไปได้”

ขณะเดียวกัน ทีมร่วมตอบสนองของเกาหลีใต้ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจ และหน่วยข่าวกรอง มีกำหนดมุ่งหน้าไปยังกรุงพนมเปญในช่วงบ่ายของวันที่ 15 ตุลาคม โดยคณะทำงานจะหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชาเพื่อจัดการกับอาชญากรรมดังกล่าว และขอความร่วมมือในการส่งตัวพลเมืองเกาหลีใต้กลับประเทศ

รัฐบาลเกาหลีใต้ยังคงยืนยันหนักแน่นว่า กำลังดำเนินความพยายามทางการทูตทุกวิถีทางเพื่อคุ้มครองพลเมืองของตนในต่างประเทศอย่างเต็มที่ และไม่เคยมีการออกคำเตือนหรือข่มขู่ว่าจะใช้กำลังทางทหารต่อขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา

◾️◾️◾️

🔴 สภาเสียงแตก เรียกร้องให้ใช้กำลังทหาร

ซง ออน-ซอก หัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติของพรรคฝ่ายค้านหลัก พรรคพลังประชาชน (People Power Party) กล่าวเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เรียกร้องให้ประธานาธิบดี อี แจ-มย็อง เข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง พร้อมอ้างถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้เคยใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในต่างประเทศ

เขากล่าวถึง ปฏิบัติการ “รุ่งอรุณแห่งอ่าวเอเดน” (Dawn of the Gulf of Aden) เมื่อปี 2011 ซึ่งหน่วยคอมมานโดของกองทัพเรือเกาหลีใต้ได้บุกเข้าช่วยเหลือลูกเรือ 21 คนของเรือบรรทุกสารเคมี Samho Jewelry ที่ถูกโจรสลัดโซมาเลียจี้กลางทะเลอาหรับ โดยปฏิบัติการดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โจรสลัดหลายคนถูกสังหาร และลูกเรือทั้งหมดรอดชีวิต กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการปกป้องพลเมืองของตนในต่างแดน เมื่อวิถีทางทางการทูตล้มเหลว

ขณะที่ สส. คัง มิน-กุก จากพรรคพลังประชาชน ก็กล่าวในทำนองเดียวกัน โดยเสนอให้พิจารณาปฏิบัติการทางทหารร่วมกับกองกำลังความมั่นคงของกัมพูชา หรือแม้แต่ทบทวนการถอนเงินช่วยเหลือ ODA หากกัมพูชาปฏิเสธความร่วมมือ

◾️◾️◾️

🔴 ผู้เชี่ยวชาญเตือน ใช้กำลังทหารแทบเป็นไปไม่ได้ มีผลเสียมากกว่า

ศาสตราจารย์ อี ชิน-ฮวา แห่งภาควิชารัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University) ให้สัมภาษณ์กับ The Korea Herald ว่า การใช้ปฏิบัติการทางทหาร “แทบเป็นไปไม่ได้ และอาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดี”

เธอระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวอาจทำให้เกิดความผิดพลาดทางการทูต และแนะนำให้รัฐบาลมุ่งเน้นมาตรการที่เป็นจริงได้มากกว่า เช่น การออกกฎหมายป้องกันไม่ให้เกิดตำแหน่งทูตว่าง และจัดตั้งศูนย์ควบคุมถาวร เพื่อปกป้องชาวเกาหลีใต้ในต่างแดน

เธอยังกล่าวว่า การส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนไปยังกัมพูชาต้องอยู่บนพื้นฐานของกรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มั่นคง พร้อมเสนอว่าเกาหลีใต้ควรเสนอแนวทางการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมแก่รัฐบาลกัมพูชา และขอความยินยอมก่อนส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานในพื้นที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง