CKPชอบจริงฤดูฝน น้ำไหลเข้าเขื่อนสูง ชูผลงานQ3นิวไฮ

#CKP #ทันหุ้น – CKPรับอานิสงส์ปริมาณน้ำมากในช่วงฤดูฝน หนุนผลงานงวดไตรมาส 3/2565 แตะระดับสูงสุดของปี ทั้งยังเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก และไฮของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 4/2565 ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนขึ้นเป็น 95% ย้ำแผนบริหารจัดการต้นทุน – กระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2565 มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดของปี 2565 หนุนจากสถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนไซยะบุรี และในเขื่อนน้ำงึม 2 ที่ทรงตัวระดับสูงได้ต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงต้นไตรมาส 4/2565 จะยังมีน้ำหลากมาจากการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนของจีนหนุนให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนทั้ง 2 ยังทรงตัวได้ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการน้ำในช่วงไตรมาส 1/2566 ซึ่งปกติจะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซันของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
*กำลังผลิตเพิ่มขึ้น
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บางเขนชัย (BKC) อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ได้รับปัจจัยหนุนจากค่าความเข้มของแสงอาทิตย์ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม สูงมาหนุนให้ BKC สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แม้ว่าปริมาณแสงแดดน้อย จากปัจจัยเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
ส่วนโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ก็มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และช่วงเดือนก่อนหน้า (MoM) หนุนจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของผู้ประกอบการทยอยฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามการที่ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่นทั้งเฟส 1 และเฟส 2 เร่งตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา อาจกดดันศักยภาพการทำกำไรของบริษัทในระยะสั้นเนื่องจากไม่สามารถส่งผ่านค่าไฟให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมได้ทัน
“แม้ว่ารัฐบาลจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) ในงวดเดือนกันยายน- ธันวาคม 2565 คาดจะเป็นส่วนช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ปรับตัวดีขึ้น แต่สำหรับโรงไฟฟ้าโคเจน การปรับขึ้นค่า Ft ในกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมจะช้ากว่าการปรับขึ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน แต่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
*อัพพอร์ตพลังงานทดแทน
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตติดตั้งเชิงพาณิชย์ (COD) ให้มีสัดส่วนจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (Renewable) ในสัดส่วน 95% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 89% จึงมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro, โรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind), และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบการลงทุนเอง และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในโครงการที่มีศักยภาพตรงตามที่บริษัทกำหนด โดยการลงทุนทั้งหมดยังคงอยู่ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งบริษัทยังคงติดตามความคืบหน้าของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan หรือ PDP) อย่างใกล้ชิด
“บริษัทมีความพร้อมทั้งการลงทุนเอง และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หากโครงการที่เข้ามาเสนอผ่าน 3 เกณฑ์ของบริษัทคือ 1.ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับผู้ถือหุ้น 2.เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด 100% และ 3.มีผู้รับซื้อที่มั่นคง ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เข้ามาเสนอหลายโครงการ”
*รอเซ็นหลวงพระบาง
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางใน สปป.ลาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อนุมัติเรื่องการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ซึ่งกฟผ.อยู่ระหว่างสอบทาน PPA และอยู่ระหว่างการเจรจากู้เงินกับสถาบันการเงิน คาดปลายปีนี้น่าจะมีความชัดเจน รวมทั้งดูโครงการโรงไฟฟ้าประเภท Greenfield และ Brownfield ในไทย โดยจะพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เหมาะสม
ทั้งนี้บริษัทยังคงบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถออกหุ้นกู้ฟิกอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ถึงประมาณ 80%ดังนั้นจึงมีแผนทยอยออกตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Bond) เพื่อบริหารจัดการต้นทุนอัตราดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ในสัดส่วน 20% ที่เหลือในอนาคต
ยอดนิยมในตอนนี้
