รีเซต

SCGPคนละครึ่งพลัสหนุน โค้งท้ายฉายแววฟอร์มสดใส

SCGPคนละครึ่งพลัสหนุน โค้งท้ายฉายแววฟอร์มสดใส
ทันหุ้น
11 พฤศจิกายน 2568 ( 16:11 )
4

#SCGP#ทันหุ้น – SCGP รับอานิสงส์โครงการ “คนละครึ่งพลัส” หนุนดีมานด์แพ็คเกจจิ้งทะยาน แถมส่งซิก Q4/2568 ฟอร์มแจ๋วกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว ควักงบราว 956 ล้านบาท ฮุบ MYPAK ในอินโดนีเซีย เสริมแกร่ง-ต่อยอดอีโคซิสเต็ม ปูทางหนุนการเติบโตอนาคต

               นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า โครงการ“คนละครึ่งพลัส” ของภาครัฐนั้น บริษัทมองเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ความต้องการ (ดีมานด์) แพ็คเกจจิ้งของบริษัทขยายตัวมากขึ้น

*โค้งท้ายแจ่ม

              อย่างไรก็ดี ในแง่ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2568 น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีดีมานด์ เข้ามาต่อเนื่อง ส่งผลให้คำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับได้มีการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น นอกเหนือจากการสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิ์ภาพยิ่งขึ้น

              ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในอาเซียน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคในไตรมาสที่ 4/2568 ยังเติบโตจากการเตรียมเพิ่มสต๊อกสินค้าช่วงปลายปี โดยเฉพาะอาหารเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ กอรปกับปัจจัยบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคบาล เช่น มาตรการคนละครึ่ง มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว ฯลฯ ก็ส่งผลดีต่อความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์

ขณะที่ราคาขายบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์คาดว่าจะทรงตัว ส่วนราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อเคมีละลายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่ฟื้นตัว

              บริษัทยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในตลาดอาเซียน  ล่าสุดลงนามในสัญญาซื้อหุ้นแบบมีเงื่อนไขเพื่อเข้าถือหุ้นสามัญในสัดส่วน 100% ใน PT Prokemas Adhikari Kreasi (MYPAK) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษคุณภาพชั้นนำในอินโดนีเซีย มีฐานการผลิตตั้งอยู่ที่เมือง Bekasi ทางตะวันตกของเกาะชวา ที่ใกล้กับฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ของ PT Fajar Surya Wisesa Tbk. และมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทข้ามชาติ แบรนด์สินค้าชั้นนำในตลาดอาหารเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ มูลค่ากิจการไม่เกิน 455 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 956 ล้านบาท)

               ทั้งนี้ ดีลดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกระบวนการเข้าซื้อกิจการ คาดปิดดีลภายในไตรมาสที่ 4/2568 นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาส Cross-selling จากฐานลูกค้ากลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในและต่างประเทศ และยังสามารถนำเทคโนโลยีของ MYPAK มาช่วยผลักดันการผลิต และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

                นอกจากนี้ ในแง่ที่ตั้งเชิงกลยุทธ์จะช่วยประสานประโยชน์ (Synergy) กับเครือข่ายธุรกิจ และเสริมศักยภาพการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานกับธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ (Value Chain Integration) ของ SCGP ในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถการแข่งขัน รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ และความต้องการบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย รวมทั้งช่วยต่อยอดอีโคซิสเต็ม ตลอดจนสนับสนุนภาพรวมรายได้ของ SCGP ในอนาคต

กำไรแกร่งอนาคต 21 บ.

              ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ “เก็งกำไร” หุ้น SCGP ให้ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท เพราะเบื้องต้นคาดกำไรปกติในไตรมาส 4/2568 ที่ระดับ 900-950 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสามารถเติบโตได้จากฐานที่ต่ำในปีก่อน ผลจากปริมาณขายที่ฟื้นตัวและต้นทุนทางการเงินของ บริษัท ที่ลดลงหลังการปรับโครงสร้างหนี้ของ Fajar เสร็จสิ้น

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง