สหรัฐเนรเทศผู้อพยพเด็กบริเวณพรมแดนเม็กซิโก 8,800 คน
วันนี้ ( 12 ก.ย. 63 )รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนรเทศผู้อพยพเด็กที่ไม่มีผู้ดูแลประมาณ 8,800 คน ที่ถูกสกัดที่บริเวณพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโกตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ภายใต้กฎหมายป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ตามเอกสารของศาลที่ยื่นฟ้องโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเมื่อวันศุกร์
โดยรัฐบาลสหรัฐปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งรัฐบาลบอกว่า มีเด็กถูกเนรเทศประมาณ 2,000 คน ตัวแทนฝ่ายกฎหมายของกลุ่มผู้อพยพ กล่าวแย้งว่า มีเด็กผู้อพยพมากกว่านี้ ที่ถูกเนรเทศภายใต้กฎหมายดังกล่าว แต่จำนวนของผู้ที่ถูกเนรเทศก็ยังไม่ชัดเจนจนกระทั่งเมื่อวานนี้ (วันศุกร์)
ทั้งนี้ รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายพรมแดนฉบับใหม่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม เพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ และเสนอโอกาสให้เด็กได้ขอลี้ภัยในศาลผู้อพยพเข้าเมืองของสหรัฐ รัฐบาลบอกว่า กฎหมายฉุกเฉินถูกกำหนดขึ้นเพื่อหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในศูนย์ผู้อพยพ และในหมู่ประชาชนของสหรัฐในวงกว้างด้วย
ตั้งแต่มีการใช้กฎหมายฉบับนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐก็เคลื่อนย้ายผู้อพยพออกไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งผู้อพยพที่เป็นเยาวชนที่ไม่มีผู้ดูแล โดยปราศจากมาตรฐานของกระบวนการเข้าเมือง
ทรัมป์ ซึ่งลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจัดการกับผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดด้วย แต่ทนายความของกลุ่มผู้อพยพ กล่าวว่า กฎหมายใหม่ของสหรัฐยิ่งทำให้ผู้อพยพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ตกอยู่ในความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น รัฐบาลกลางควบคุมตัวพวกเขาไว้เป็นเวลาหลายวัน หรือแม้แต่หลายสัปดาห์ ในโรงแรมโดยให้ผู้รับเหมาที่ไม่มีใบอนุญาต ดูแลพวกเขา
นอกเหนือจากการเนรเทศเด็กประมาณ 8,800 คนแล้ว รัฐบาลสหรัฐบอกว่า เนรเทศผู้อพยพแล้วทั้งสิ้น 159,000 คน และ7,600 ครอบครัว
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline