หุ้นปิโตรฯ CGSI ชี้ภาษีตอบโต้ฉุดส่งออก PET กระทบผู้ผลิตเอเชีย

#ทันหุ้น - ทันหุ้น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ข้อมูลจาก Chemical Market Analytics (CMA) แสดงให้เห็นว่าตลาด PET (polyethylene terephthalic) ของสหรัฐฯ ครอบครองโดยตลาดเครื่องดื่ม สัดส่วน 71% ของอุปสงค์โดยรวมในครึ่งปีแรก 68 ตามด้วยบรรจุภัณฑ์อาหาร 7% นอกจากนี้ ข้อมูลจาก CMA ระบุว่า ความต้องการ PET ในสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 4mtpa (ล้านตันต่อปี) ในปี 68-69 เทียบกับปริมาณการผลิตในประเทศที่ 2.6mtpa-2.7mtpa หมายความว่าอุปสงค์อีกหนึ่งในสามจะมาจากการนำเข้า
CMA ประมาณการว่าสหรัฐจะนำเข้า PET เพิ่มขึ้น 7.5% yoy ในปี 68 โดยเอเชียเป็นตลาดหลักที่ส่งออก PET ไปยังสหรัฐ อยู่ที่สัดส่วน 70% ของยอดนำเข้า PET ของสหรัฐ รองลงมาคือเม็กซิโก 16% และแคนาดา 5%
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า รัฐบาลทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 5 ก.ย.68 ซึ่งได้นำ PET และ PET รีไซเคิลออกจากรายการสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) โดยมีผลวันที่ 8 ก.ย.68 ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการค้า PET โดยประเทศที่ถูกเก็บภาษีน้อยกว่าจะได้เปรียบประเทศที่ถูกเก็บภาษีสูงกว่า ดังนั้น ประเทศอินเดีย ภาษีตอบโต้ 50%, อินโดนีเซีย ภาษีตอบโต้ 19%, ไทย ภาษีตอบโต้ 19% และเวียดนาม ภาษีตอบโต้ 20% จึงน่าจะได้รับผลกระทบมากสุด
นอกจากนี้ คาดว่าเม็กซิโกและเวียดนาม ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีภายใต้โครงสร้างภาษีในปัจจุบัน จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันมากกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 68 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ได้เริ่มต้นกระบวนการปรึกษาหารือสาธารณะก่อนจะมีการทบทวนข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-เม็กซิโกแคนาดา (USMCA) ในวันที่ 1 ก.ค. 69 ซึ่งจะยิ่งทำให้ตลาด PET มีความไม่แน่นอน
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตของผู้ผลิตในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 75% ในปี 68 และ 81% ในปี 69 จากความได้เปรียบทางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลของ CMA ยังชี้ว่าสหรัฐไม่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น หลังสั่งหยุดโครงการ Corpus Christi 1.1mtpa ในรัฐเท็กซัสและปิดโรงงาน PET ขนาดเล็กใน Cedar Creek 170ktpa (พันตันต่อปี)
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดว่า ผู้ผลิต PET ในเอเชียจะดำเนินงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่ท้าทายมากขึ้น เนื่องจากการส่งออก PET ไปสหรัฐน้อยลงอาจส่งผลให้ปริมาณสต็อกในเอเชียเพิ่มสูงขึ้น และถึงแม้จะมีการจำกัดการเพิ่มกำลังการผลิต แต่สเปรด PET ในเอเชียเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันยังอยู่ที่เพียง 66 เหรียญสหรัฐ/ตัน นอกจากนี้ แม้ว่า PET น่าจะออกจากวงจรขาลงของอุตสาหกรรมเร็วกว่าโพลิเมอร์ชนิดอื่น แต่ยังแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนใกลุ่มปิโตรเคมีของไทย เนื่องจาก PE (polyethylene) และ PP (polypropylene) น่าจะยังอยู่ในวงจรขาลงจนถึงหลังปี 71 โดยมองว่าปัจจัยลบคือความต้องการพลาสติกที่ต่ำกว่าคาด ส่วน upside risk จะมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำคาด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
