รีเซต

ศบค.จ่อปรับมาตรการเข้าประเทศ เลิกตรวจเอทีเค ลดกักตัว ปรับโซนสี เริ่ม 1 พ.ค.นี้

ศบค.จ่อปรับมาตรการเข้าประเทศ เลิกตรวจเอทีเค ลดกักตัว ปรับโซนสี เริ่ม 1 พ.ค.นี้
ข่าวสด
21 เมษายน 2565 ( 11:58 )
62

เลขาฯสมช. เผย ศบค.เตรียมปรับมาตรการเข้าประเทศ จ่อเลิกตรวจเอทีเค ชี้คนไม่ฉีดวัคซีน อาจลดกักตัว เตรียมปรับโซนสี หลังสถานการณ์ภาพรวมดีขึ้น

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศปก.ศบค. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศปก.ศบค.ว่า ในที่ประชุมศบค. วันที่ 22 เม.ย.นี้ กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอปรับมาตรการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศ

ศบค.จะพิจารณาข้อเสนอ ที่เป็นแนวทางสำคัญตามที่นายกฯ มอบไว้ โดยเรื่องการเข้าประเทศ ปัจจุบันมี 2 ประเด็นหลักคือ การกักตัว สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะปรับให้สะดวกขึ้น เช่น ถ้ามีการกักตัวที่เชื่อถือได้มาแล้ว ก็จะลดจำนวนวันกักตัวลง และเรื่องการปรับระบบเทสต์ แอนด์ โก สำหรับผู้ได้รับวัคซีน ซึ่งทั่วโลกมีการผ่อนคลายมากแล้ว จะเสนอให้ปรับระบบ ให้นักท่องเที่ยวและคนไทยที่จะกลับเข้าประเทศได้รับความสะดวกมากขึ้น เราต้องพิจารณาทุกมิติ โดยการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางมาถึง อาจจะปรับ เนื่องจากพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศมีเปอร์เซนต์ลดลง โดยจะหารือว่าการตรวจเอทีเค จะใช้ลักษณะอย่างไร หรือไม่ต้องตรวจเลย

ส่วนข้อเสนอให้ยกเลิกเทสต์ แอนด์ โก หรือระบบไทยแลนด์พลัส เรารับฟังมาตลอด แต่อยากให้เข้าใจ โดยเฉพาะไทยแลนด์ พลัส ไม่ใช่ระบบที่ไม่ดี ถ้าย้อนไปในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาหากไม่มีระบบนี้ เวลานี้ยังไม่ทราบว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ระบบต่างๆ ก็ต้องปรับ และถ้าปรับระบบเข้าประเทศ จะใช้ไทยแลนด์ พลัส เท่าที่จำเป็นโดยยึดหลักความปลอดภัย เท่าที่ประเมินแล้วว่าเราจะรับได้ และให้เกิดความสะดวกที่สุด

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า หากที่ประชุมศบค.เห็นชอบการปรับระบบเข้าประเทศ แผนการดำเนินงานจะเริ่มในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ยกเว้นมีเหตุจำเป็นที่ต้องขยับ โดยมาตรการที่จะปรับ มีทั้งทางอากาศ ทางบก ซึ่งทางบกจะพยายามเปิดด่านทางบกให้ได้ทั่วประเทศ โดยให้กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการ และจะนำมาพิจารณาในวันที่ 22 พ.ค.เช่นเดียวกัน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาร่วมกันว่าใช้วิธีใดในการเปิด และใช้เงื่อนไขเดียวกับทางอากาศที่มาตรการอาจจะน้อยกว่า

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ในที่ประชุมศบค.จะพิจารณาเรื่องปรับโซนสีพื้นที่ ซึ่งเราประเมินตามเงื่อนไข และเท่าที่ดูตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ผ่านมา คาดว่าจะพิจารณาปรับโซนสีให้ดีขึ้นในทุกจังหวัด ส่วนมาตรการป้องกันในปัจจุบัน ทั้งประชาชนและสถานประกอบการณ์ปรับตัวอยู่กับโควิดได้ดีขึ้น ดังนั้น การปรับโซนสีในหลายจังหวัดที่เป็นสีส้ม จะได้ปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุมศบค.จะพิจารณามาตรการรับมือการเปิดภาคเรียนเดือนพ.ค.นี้อย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยวันนี้ ศปก.ศบค. จะคุยเรื่องเงื่อนไขบางประการที่กำหนดไว้ในมาตรการที่ทำให้สถานศึกษามีข้อจำกัดในการให้นักเรียนไปเรียนออนไซต์ (ที่ตั้ง)แบบเต็มจำนวน ซึ่งเราต้องปรับเงื่อนไขให้เรียบร้อย ขณะที่โรงเรียนก็ต้องมีมาตรการรองรับได้อย่างปลอดภัย

เมื่อถามถึงความพร้อมเรื่องยาและเวชภัณฑ์ ที่จะรองรับการแพร่ระบาดที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ปัจจุบันเราดูเรื่องอัตราการครองเตียง และขีดความสามารถด้านสาธารณสุข แล้วนำมาประเมิน ดังนั้น ตัวเลขการจัดอันดับผู้ติดเชื้อว่าประเทศไทยอยู่ในลำดับไหนของโลก หรือของอาเซียน ไม่ใช่มิติที่ครบถ้วนที่จะนำมาพิจารณาเปิดประเทศ และเวลานี้แพทย์ใช้ปัจจัยดูเรื่องเปอร์เซ็นต์เตียงที่เหลือ และการรองรับทางสาธารณสุขมาพิจารณา และสิ่งเหล่านี้ยังมีเพียงพอ

ส่วนที่มีการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. อยากให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่นำร่อง เป็นเมืองที่ใช้ชีวิตปกติ สามารถเปิดหน้ากากอนามัยได้ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้วางมาตรการให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตปกติและโควิดเป็นโรคประจำถิ่น และมาตรการเหล่านี้ยังปรับได้อีก แต่อยากย้ำว่าโควิด ต้องอยู่กับเราอย่างน้อยไปอีก 1 ปี

ดังนั้น มาตรการสำหรับคนที่ติดโควิดแล้วสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ประกอบอาชีพได้ คือเราต้องปรับตัว ป้องกันตัวเองโดยสวมหน้ากากอนามัย และยังต้องรักษาระยะห่างเท่าที่จำเป็น ขณะที่สถานประกอบการ ต้องใช้มาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง สุดท้ายคือ ขีดความสามารถรองรับด้านสาธารณสุข สิ่งเหล่านี้จะเป็นหัวใจให้เราอยู่กับโควิดได้

เมื่อถามย้ำว่าจะพิจารณาให้ถอดหน้ากากเหมือนบางประเทศหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า เรื่องนี้แพทย์ประเมินต่อเนื่อง ส่วนที่มีนักท่องเที่ยวบางคนไม่สวมหน้ากากอนามัยตามสถานที่ท่องเที่ยว ได้ใช้ทุกหน่วยงานให้รณรงค์ ตักเตือนและทำมาต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค VUCA มุ่งเน้นการดำเนินงาน 4 ส่วน ได้แก่ V-Vaccine เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยให้ได้ 100 ล้านโดส U-Universal Prevention ให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันตนเองสูงสุด C-COVID Free Setting ร้านค้า สถานประกอบการใช้มาตรการพื้นที่ปลอดโควิด-19 และ ATK ใช้ชุดตรวจคัดกรองเมื่อมีความเสี่ยง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง