เทคนิคการเทรดแบบ Scalping ซี่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้เริ่มต้น

 

 

แต่กว่าจะมาเป็นโค้ชเจมส์ในวันนี้ผ่านการฝึกฝนเป็นหมื่นๆชั่วโมง วันนี้ขอนำเทคนิคดีๆมาฝากค่ะ

 

 

Scalping trade คืออะไร การเทรดกำไรระยะสั้นมาก เป็นส่วนหนึ่งของเดย์เทรด คนที่เข้ามาตลาดใหม่ๆจะชอบเพราะอยากที่จะเห็นกำไรทุกวันบางคนอาจจะมองเหมือนการหาเช้ากินค่ำ

 

 

Scalping trade เหมาะกับใคร เหมาะกับคนที่มีเวลาเฝ้าจอ เหมาะกับคนที่สามารถสตอปลอสได้ เหมาะสำหรับคนเงินทุนน้อย ต้องการผลตอบแทนที่ไว เป็นคนที่กล้าเข้า และกล้าคัทลอส drawdown ต่ำ การเทรดควรตัดเรื่องของอารมณ์ มีแผนชัดเจนและทำตามแผน เราควรตัด Mindset ที่จะรันเทรนออกหากเราเลือกที่จะเล่นสั้น การถือลุ้นเผื่อว่าหุ้นจะขึ้นเป็นเทรนอาจจะไม่เหมาะ

 

 

 

 

1. เทรดเดอร์ควรฝึกดูBid Offerให้ชำนาญ เริ่มต้นฝึกสังเกตการวาง Bid Offer, การเติมBid Offer ของหุ้นตัวที่เราสนใจ ให้เข้าใจก่อนการเทรดแบบScalping

 

 

2. กราฟใช้TF เดย์ ดูจุดเบรก และใช้ TFย่อย เช่น TF 5,15 เพื่อดูแนวย่อแนวพักของราคา ให้ความสำคัญโดยดูจุดเบรคในTFเดย์ ไม่ค่อยซื้อหุ้นโซนล่าง(พักตัวกรอบล่าง) นอกจากมีกรอบแล้วมีจุดเบรกชัดเจน

 

 

3. สังเกตการพักตัววอลุ่มเริ่มแห้ง(วอลุ่มซื้อขายหายไปอย่างเห็นได้ชัด) จะเป็นตัวที่เอามาเฝ้า โซนกราฟที่เราสนใจควรวิเคราะห์ต่อว่าโซนไหนจะเป็นโซนที่มีคนเล่น ความหมายคือถ้ามีโฟลเข้ามาที่แนวเบรกนั้นจะมีคนที่ซื้อตามไหม

 

 

การScalping จะอาศัยจังหวะนั้นที่ซื้อแล้วหุ้นมีโอกาสขึ้นเลย ทรงกราฟหุ้นแบบทรงจ่อเบรกจะเหมาะ เพราะโซนจ่อเบรกจะมีคนเฝ้าถ้ามีคนทำโฟลให้เบรกอาจจะมีคนซื้อตาม

 

 

4. เทคนิคการซื้อตอนราคาหุ้นย้อนกลับมาที่ราคาเปิดอีกครั้ง แนวคิดนี้สำหรับคนที่ห่อหุ้นมาจากวันก่อนหน้า พอราคาหลุดแนวจะขายก่อนพอหมดแรงขายราคาดึงกลับย้อนราคาเปิดอีกครั้งราคาหุ้นจะมีโอกาสขึ้นต่อเพราะเคลียร์ด้านล่างแล้ว

 

 

5. การเทรดแบบScalping ไม่ใช้อินดิเคเตอร์เยอะ เพราะจะทำให้เกิดการ Bias หลักๆใช้รูปแบบแท่งเทียน ปริมาณซื้อขาย (Volume) Bid และ Offer

 

 

6. การฝึกสังเกตจากราคาPre project open เพื่อดูว่าเป็นการเปิดที่ราคานั้นเป็นราคาที่คาดว่าจะเปิดจริงหรือเป็นการตั้ง Bid Offer หลอก ให้ความสนใจหุ้นที่มีวอลุ่มเข้าราคาเปิด

 

 

ราคาเปิดเป็นBid หรือOffer เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาเพราะถ้าเข้าใจว่าราคาเปิดนั้นเป็นBid คือเราสามารถโยนขายได้เลยเราจะได้เปรียบกว่าซื้อราคาเปิดแล้วราคานั้นอยู่ฝั่งOffer

 

 

7. Timing ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่หุ้นตัวนั้นมีโฟลการซื้อขายเข้า เช่น ช่วงเวลา 10:00น.-11:00น., 15:30-16:30 นอก Timing หรือนอกเวลาเทรดของเราไม่ควรเทรดเพื่อรักษากำไรที่ทำมา ระวังการคืนกำไร

 

 

8. การสังเกต และให้ความสำคัญกับ Ticker ของหุ้นที่ทำการบ้านมา อย่าให้Tickerตัวอื่นมาทำให้เราหลุดโฟกัส

 

 

9. ถ้าเป็นการ False break คนเล่น Scalping อาจจะไม่ค่อยโดนเพราะได้เทคกำไรไปแล้ว แต่ถ้าราคาขึ้นต่อเป็นเทรนจะขายหมูเป็นอย่างมาก(ขายแล้วราคาขึ้นต่อไปอีกหลายเปอร์เซ็นต์ ต้องหาจุดเข้าใหม่)

 

 

10. เทคนิคการขาย ได้กำไรคือต้องเทค ถ้าซื้อแล้วราคาไม่ไปต่อ เราควรขายก่อน สมมติซื้อที่ราคา 1.10 ราคาขึ้นไป 1.15 แล้วมีการเติมOffer เราจะขายหรือโยนใส่ราคาฝั่ง Bid เลย หรือจากแนวที่เบรก 3-5 ช่องควรเทคกำไรเลย ไปต่อไม่เป็นไร

 

 

11. การบริหารความเสี่ยงของสายScalper เทรดโดยวางเงินแบบนับช่องเป็นจำนวนเงินที่เรารับความเสี่ยงได้ เราควรคำนึงค่าคอมมิชชั่นด้วย ถ้าค่าคอมมิชชั่นเราแพงการซื้อขายบ่อยๆอาจจะไม่คุ้มเลย

 

 

12. หุ้นที่เหมาะกับScalping ต้องดูหุ้นทีมีความผันผวน เช่นกราฟในTFย่อยมีความผันผวนอยู่บ้างไม่ใช่ราคาขยับแค่สองสามช่องทั้งวันเพราะคนเล่นสั้นให้ความสำคัญในเรื่องของ Time value จะไม่เหมาะกับหุ้นที่ซื้อแล้วโดนแช่หรือช้า การScalpingเหมาะกับหุ้นซิ่ง

 

 

วิธีการเทรดแบบ Scalping นี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคนแต่การฝึกฝนจนชำนาญจะทำให้พอร์ตโตได้เช่นกัน วิธีนี้ทำให้พอร์ตโตได้ในช่วงแรกๆ สำหรับพอร์ตที่มีขนาดไม่ใหญ่ ข้อเสียคือ ไม่มีทางได้ Big shot จากการเทรดแบบ Scalping แต่การเทรดแบบเก็บสะสมสามารถทำให้พอร์ตโตได้

 

 

การเทรดแบบเก็บเหรียญไม่ควรเสียแบงค์ดังนั้นคนที่เทรดแบบ Scalping ควรจะสตอปลอสต่ำ ฝึกจุดเข้าให้คมขึ้น

 

 

พรพักตร์ ทองโสภา โค้ชเจิน