เปิดใจถึง ‘บทเรียนในอดีต’ ของ THAITANIUM
beartai BUZZ ได้มีโอกาสนั่งคุยกับ THAITANIUM พร้อมสมาชิกครบวงนำโดย ขัน (ขันเงิน เนื้อนวล), เดย์ (จำรัส ทัศนละวาด), เวย์ (ปริญญา อินทชัย) ร่วมด้วย ดีเจบุดด้า และ บิ๊ก คาโล่ ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน และเป้าหมายในอนาคตของพวกเขา
- คำนิยามของ THAITANIUM ในวันนี้ พวกคุณมองภาพตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง (มองว่าเป็นรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน หรือรุ่นพ่อ)
ขัน: จริง ๆ พวกเราเป็นทุกรุ่นเลยครับ แล้วก็เป็นรุ่นน้องด้วย เพราะว่าจริง ๆ พวกเราก็ผ่านมาหลายรุ่น ซึ่งพวกเราก็ดีใจที่ยังได้อยู่ต่อ อย่างคนที่ทำงานรุ่นเดียวกับเรา แล้วเขามาปรึกษา เขาก็เป็น “รุ่นเพื่อน” ครับ ถ้ารุ่นน้องมาปรึกษาเรา เราก็เป็น “รุ่นพี่” หรือถ้าน้องรุ่นเล็ก ๆ มาปรึกษาแล้วเขาเรียกพวกเราว่าพ่อ เราก็อาจจะเป็น “รุ่นพ่อ” ครับ ซึ่งเราก็ยังอยู่ตรงนี้ตลอด คอยให้คำปรึกษา แล้วก็เป็นเพื่อนกับทุกคน โดยที่พวกเราก็ไม่ได้คิดว่าพวกเราจะต้องเป็นรุ่นไหน แต่ว่าเราเป็นได้ทุกรุ่น แต่ขอเป็น “วัยรุ่น” ก็ดีนะครับ 55555
- เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต สอนอะไรให้กับวง THAITANIUM บ้าง
บิ๊ก คาโล่: เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตมันมีหลายเรื่องที่สอนเราเยอะมาก ๆ และเราก็ได้เรียนรู้จากมันเยอะมากเช่นกัน ซึ่งมันก็มีหลาย ๆ สถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยสิ่งที่พวกเราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างหนึ่งคือพวกเราพยายามจะทำหลาย ๆ ด้านให้มันดีขึ้นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็น ด้านดนตรี การใช้ชีวิต การสื่อสาร และเรื่องอื่น ๆ
ขัน: ซึ่งเรื่องเก่า ๆ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเรียนรู้จากสิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ตลอด 22 ปีที่เราทำงานมาด้วยกันก็มีเรื่องที่สอนเราเสมอ อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้รู้ว่าเพื่อนของเราชอบอะไรและไม่ชอบอะไร หรือในด้านการทำงานก็ต้องคอยดูว่าทำแบบไหนมันจะโอเค ก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้มาตลอด ถึงจะเจอปัญหาบ้าง มันก็เป็นเรื่องราวที่ทุกคนต้องเรียนรู้กับสิ่งที่เราทำผิดพลาดไป ถ้าอันไหนทำดีแล้วเราก็เก็บมันไว้เป็นเรื่องธรรมดา
- การกลับมารวมตัวกันของ THAITANIUM ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นอย่างไรบ้าง มีการเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนบ้างหรือไม่
ขัน: ถ้าเทียบกับแต่ก่อนก็เปลี่ยนอยู่แล้วครับ เพราะว่าชีวิตทุกคนแตกต่างกันออกไป ตอนนี้ทุกคนมีครอบครัว เมื่อก่อนเราอยู่ด้วยกันทุกวัน แล้วก็ซ่า ทำนู่นทำนี่ด้วยกัน แต่พอโตขึ้นมาพวกเราก็แยกย้ายกันทำมาหากิน แต่พอถึงเวลาที่พวกเรากลับมารวมตัวกันจริง ๆ ก็ยังคงรู้สึกเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าชีวิตที่ต่างกันไปบ้าง มันเลยทำให้มีเวลามารวมกันน้อยลง
- ประโยคแรกที่สมาชิกวง THAITANIUM คุยกันในวันที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งคืออะไร
เวย์: พวกเราคุยกันว่า “ถ้าเราจะกลับมา พวกเราต้องอยู่ให้ได้นะ ถ้าเราจะทำงานด้วยกันก็ต้องมีการวางแผน คิดว่าพวกเราจะทำอะไร จะไปในทิศทางไหนด้วยกัน ก็ต้องคุยกันให้เข้าใจ”
ขัน: แต่ถ้าจะเอาคำตอบแบบฮา ๆ ก็คงจะเป็น “เห้ย ว่าไงวะ!”
- พวกคุณคิดว่าเสน่ห์ของฮิปฮอปในยุคปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง
เวย์: เสน่ห์ในปัจจุบัน คือ ถ้าใครมีความสามารถหรือใครชอบในการแรปและหมั่นฝึกฝน มันสามารถเป็นอีกช่องทางในการทำมาหากินได้
ขัน: อีกความน่าสนใจคือตอนนี้โลกของเรามันมีอินเทอร์เน็ต ทำให้คนเราสามารถแสดงความสามารถกันได้อย่างเต็มที่ และความสามารถของน้อง ๆ ทุกคนในวันนี้มันล้ำกว่าสมัยก่อนเยอะ ความตื่นเต้นของพวกเราก็คือมันทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา รวมทั้งเห็นกลุ่มคนใหม่ ๆ อยู่ตลอด
- ผลงานล่าสุดอย่างเพลง “แสนล้าน” มีที่มาอย่างไร
ขัน: “แสนล้าน” เป็นเพลงที่ขันเขียนตั้งแต่ช่วงที่โควิด-19 เริ่ม ณ ตอนนั้นที่เริ่มเขียนเพลงนี้ก็เหมือนเป็นการเขียนให้กำลังใจตัวเองในช่วงที่ไม่ได้ออกจากบ้าน เป็นจุดที่ทุกคนกำลังมีปัญหาหลาย ๆ ด้าน แม้แต่ตัวเราเองที่ไม่มีงานทำ มันก็เลยเกิดเป็นเพลงนี้ขึ้นมา จริง ๆ เราเขียนมันออกมาจากความรู้สึกของคนรอบข้างและตัวเราด้วย ณ ตอนนั้น เราอยากจะเขียนเพลงที่ให้กำลังใจตัวเองและคนอื่น ๆ
เดย์: ซึ่งถ้ามีใครรู้สึกและเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเราต้องการสื่อสารออกไปได้ นั่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จแล้ว โดยเพลงนี้ที่เป็นเพลงให้กำลังใจมันเป็นแนวเพลงที่พวกเราไม่ได้ทำกันมาสักพักหนึ่งแล้ว
เวย์: ถึงแม้ THAITANIUM จะมีเพลงโหด เพลงกวนตีน หรือแนวอื่น ๆ แต่ปกติพวกเราก็มักจะมีเพลงที่จริงใจและมีความหมายด้วย
ขัน: ซึ่งเพลง “แสนล้าน” ก็เป็นโหมดเหมือนกับเพลง “สุดขอบฟ้า” และ “สบายดีหรือเปล่า?” ซึ่งพวกเรา THAITANIUM ก็มีหลายโหมด ไม่ได้มีแค่โหมดเพลง “พ่อมึง” เพียงอย่างเดียว โดย “แสนล้าน” ก็เป็นอีกหนึ่งโหมดของวง THAITANIUM เหมือนกัน
- เป้าหมายของวง THAITANIUM ในวันนี้เป็นอย่างไร
ขัน: จริง ๆ พวกเราทำหลายอย่างนะครับ แต่ก็ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ให้มันสำเร็จ และเป้าหมายหลักของพวกเราคือพยายามผลักดันงานในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น งานเบื้องหลัง คอนเสิร์ต หรือทัวร์ต่าง ๆ และพยายามสร้างสรรค์ผลงานต่อไป พร้อมทั้งคอยสนับสนุนและให้คำแนะนำแก่ศิลปินรุ่นใหม่ การทำให้ฮิปฮอปไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากกว่านี้ ซึ่งพวกเราก็คงค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ สร้างไปเรื่อย ๆ เพราะการได้สร้างได้ทำอะไรแบบนี้ไปตลอดก็คิดว่ามันเป็นหนึ่งในความสุขของศิลปินแล้วที่จะได้ทำอะไรแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ