เก็งราคาน้ำมันดิบ ทรงตัวระดับต่ำ PTG รับทรัพย์ GPM
ทันหุ้น – สู้โควิด – นักวิเคราะห์คาดราคาน้ำมันดิบช่วงที่เหลือเคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ชู PTG รับอานิสงส์ดัน GPM ไตรมาส 4/2563 สูงขึ้นประกอบกับธุรกิจ Non oil ยอดขายกลับมาแตะ 100 ล้านอีกครั้ง ชี้เป้า 21 บาท
นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงที่เหลือของปี 2563 น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 40 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อบาร์เรล แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (กลุ่มโอเปก : OPEC)ยังไม่บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงในเชิงรูปธรรม ประกอบกับประเทศซีเรียที่เริ่มกลับมาผลิตน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้กำลังการผลิตยังคงมากกว่าความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกที่ได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 ที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งทั้งในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, และเอเซีย ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มชะลอตัว รวมถึงการเดินทางระหว่างประเทศยังเกิดขึ้นช้าต่อไป
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ช่วงฤดูมรสุมพายุเข้าบริเวณอ่ามเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกาทำให้ต้องปิดแท่นขุดเจาะชั่วคราว โดยปัจจุบันใกล้สิ้นสุดฤดูมรสุมทำให้หลายแท่นเริ่มกลับมาขุดเจาะอีกครั้ง ส่งผลให้เริ่มเห็นแรงเทขายสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก กดดันราคาน้ำมันดิบตลาด WTI ร่วงกว่า 4% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563 หลังจากนักลงทุนที่มีการเก็งกำไรในตลาดซื้อ-ขายน้ำมันล่วงหน้าในช่วงก่อน
ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTGที่ราคาเหมาะสมที่ 21 บาท เนื่องจากได้รับอานิสงส์ส่วนต่างค่าการตลาด (GPM) ที่ทรงตัว ในภาวะที่ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2563 ทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non oil) ทั้ง LPG, และร้านกาแฟ ที่เริ่มมียอดขายกลับมาในไตรมาส 3/2563 ประมาณ 50 ล้านบาท ขณะที่ยังสร้างมารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้หากราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวในระดับต่ำเฉลี่ย 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลได้ถึงสิ้นปี 2563 จะหนุนให้ PTG มีส่วนต่าง GPM สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับยอดขายธุรกิจ Non oil กลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ประมาณ 100 ล้านบาทจะหนุนให้กำไรในงวดไตรมาส 4/2563 ยังมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง