นายกหญิงคนแรกของซามัว สาบานตนนอกสภา หลังผู้นำปัจจุบันปิดกั้น
Samoa: ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ซามัว ต้องสาบานตนรับตำแหน่งในเต้นท์ชั่วคราว หลังนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันปฏิเสธลงจากตำแหน่ง และปิดกั้นไม่ยอมให้ผู้นำคนใหม่เข้าไปในสภา
เฟียเม นาโอมิ มาตาอะฟา ต้องสาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศซามัว ภายในกระโจมที่ตั้งอยู่ภายในสวนของอาคารรัฐสภา หลังนายทุยลาเอปา ไซเลเล มาลิเอเลงาโออิ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานาน 22 ปี ไม่ฟังคำสั่งศาลให้ลงจากตำแหน่ง
นางมาตาอะฟา วัย 64 ปี เดินทางมาอาคารรัฐสภาในวันนี้ (24 พฤษภาคม) เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง แต่เธอกลับถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าสภาโดยนักการเมืองที่เป็นพันธมิตรของนายมาลิเอเลงาโออิ
ด้วยเหตุนี้ นางมาตาอะฟา และสมาชิกพรรคของเธอ จึงไปรวมตัวที่กระโจมในสวนภายในรัฐสภา เพื่อทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง
พรรคฟาตัวตัว อิ เล อะตัว ซามัว หรือเรียกสั้น ๆ ว่า FAST ออกแถลงการณ์ว่า “ประชาธิปไตยต้องชนะเสมอ โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ผู้ใดที่ปฏิบัติในทางที่ขัดกับประชาธิปไตย คือผู้ที่กำลังเล่นกับไฟ”
อย่างไรก็ดี นายมาลิเอเลงาโออิ โจมตีพิธีสาบานตนในสวนว่า เป็นพิธีอย่างไม่เป็นทางการ และถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่สูสีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ซามัว ซึ่งตามมาด้วยความขัดแย้งและการต่อสู้ทางกฎหมาย
ผลการเลือกตั้งพบว่า พรรคพิทักษ์สิทธิมนุษยชน หรือ HRPP ของนายมาลิเอเลงาโออิ พ่ายแพ้การเลือกตั้ง และถูกปลดจากอำนาจที่ครอบครองมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษโดยพรรค FAST ของนางมาตาอะฟา แม้ว่าทั้งสองพรรคจะชนะที่นั่งเท่ากัน 25 ที่นั่ง แต่ผู้สมัครอิสระเพียงคนเดียว หันไปสนับสนุนพรรค FAST
การชนะเลือกตั้งดังกล่าว นำมาสู่การต่อสู้ทางกฎหมายโดยพรรค HRPP อ้างว่า พรรค FAST บรรจุ สส. หญิงไม่ครบตามกำหนดโควตา ทำให้คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งยกเลิกผลการนับคะแนนเมื่อเดือนเมษายน และให้จัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 21 พฤษภาคม
แต่เพียง 5 วันก่อนการเลือกตั้งรอบใหม่ ศาลสูงสุดพิพากษาให้ยอมรับผลการเลือกตั้ง และให้นางมาตาอะฟาเดินหน้าสาบานตนเป็นผู้นำคนใหม่ต่อไป
นายมาลิเอเลงาโออิ ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดอันดับ 2 ของโลก ขณะที่ นางมาตาอะฟา เป็นบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของซามัว และเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของซามัว ก่อนที่ชัยชนะในการเลือกตั้ง ทำให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ