รีเซต

BANPU คาดบ.ใหม่เริ่มเทรดภายใน Q3/69-เพิ่ม EBITDA เป็น 1.5 เท่าปี 73

BANPU คาดบ.ใหม่เริ่มเทรดภายใน Q3/69-เพิ่ม EBITDA เป็น 1.5 เท่าปี 73
ทันหุ้น
30 ตุลาคม 2568 ( 15:01 )
13

#BANPU #ทันหุ้น-บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย เปิดเผยถึงเฟสใหม่ของกลยุทธ์ Energy Symphonics ด้วยการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจเพื่อปลดล็อกมูลค่าในระยะยาวและคว้าโอกาสเติบโตจากการใช้ AI ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจะมีการควบรวมกิจการระหว่าง BANPU และบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP และจัดตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งคาดว่าบริษัทใหม่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569 ขณะเดียวกันได้วางเป้าหมายเพิ่ม EBITDA เป็น 1.5 เท่า ภายในปี 2573

สำหรับความเคลื่อนไหวที่สำคัญในโครงสร้างของกลุ่มบริษัทครั้งนี้ บ้านปูกำลังเร่งผลักดันการเติบโตของกลุ่มธุรกิจที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตหลัก ได้แก่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจไฟฟ้า โดยการรวมสินทรัพย์ด้านโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ไว้ภายใต้ BKV ซึ่งจะเป็นธุรกิจหลักที่สามารถปลดล็อกกลยุทธ์ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ ได้เต็มศักยภาพ ซึ่งครอบคลุมการผลิตก๊าซธรรมชาติ การดักจับคาร์บอน และการผลิตไฟฟ้า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจก๊าซ แต่ยังช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้าที่เพิ่มเข้ามาใหม่อีกด้วย

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจไฟฟ้าของบ้านปู ภายใต้ BPP จะถูกยกระดับเป็น Power+ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่รวมการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมและพลังงานใหม่ไว้ภายใต้เสาหลักธุรกิจนี้ ขณะที่การลงทุนในเทคโนโลยีเกิดใหม่และโซลูชันดิจิทัลด้านพลังงานจะได้รับการบริหารจัดการภายใต้เสาหลักธุรกิจที่ชื่อว่า Future Tech ซึ่งครอบคลุมถึงธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโตที่เกี่ยวเนื่องกับ Data Center และเทคโนโลยีพลังงานที่สามารถสร้างพลังร่วมระหว่างกันได้

โครงสร้างใหม่นี้สร้างคุณค่าให้กับบ้านปูใน 3 มิติ อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ด้านโครงสร้าง ทำให้แต่ละธุรกิจหลักของกลุ่มมีความชัดเจน โดยมีการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพเป็นกลไกสนับสนุน ด้านกลยุทธ์ สร้างโอกาสในการเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ ซึ่งเป็นตัวเร่งการเติบโตและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบ้านปู และด้านการเงิน ช่วยสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ในตลาด และยังสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่จะส่งผลให้บ้านปูอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งในระยะยาว พร้อมรับกับโอกาสใหม่ ๆ

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แผนงานในครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถจัดสรรเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เกิดแนวดำเนินกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจหลักที่ปรับขึ้นใหม่ ได้แก่ Next-Gen Mining (เหมืองยุคใหม่) U.S. Closed-Loop Gas (ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ) Power+ (ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง) และ Future Tech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต) เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น สอดรับกับแนวโน้มพลังงานของโลกและกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น ความต้องการ Data Center ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตลอดจนความต้องการพลังงานที่มีความเสถียรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราได้”

ในการสร้างความคล่องตัวและทำให้โครงสร้างของกลุ่มบ้านปูแข็งแกร่ง การปรับโครงสร้างดังกล่าวประกอบด้วย

การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) จะเป็นไปตามกระบวนการควบบริษัทและจัดตั้ง “บริษัทใหม่” หรือ “NewCo” โดยจะมีการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และ BPP ในอัตราส่วนการแลกหุ้น (Swap Ratio) เบื้องต้น คือ 1 หุ้นเดิมในบริษัทฯ ต่อ 0.35575 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน BPP ต่อ 0.74615 หุ้นในบริษัทใหม่ และบริษัทฯ และ BPP ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อให้ความเห็นในเรื่องความสมเหตุสมผลของรายการ ซึ่งบริษัทใหม่คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569

การควบรวมนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับโครงสร้างสินทรัพย์ของ BPP ให้มีกลยุทธ์ที่คมชัดมากขึ้น ลดความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทภายในกลุ่ม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความคล่องตัว ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ และความรวดเร็วในการตัดสินใจ เพื่อปลดล็อกคุณค่าจากทั้งโอกาสใหม่และทรัพย์สินที่มีอยู่

การรวมสินทรัพย์โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เป็นการรวมการถือหุ้นส่วนใหญ่ จำนวนร้อยละ 75 ในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ขนาดกำลังผลิต 1.5 กิกะวัตต์ ไว้ภายใต้บริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบ้านปูที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) โดย BPP อยู่ระหว่างการเตรียมขายสิทธิการลงทุน (Membership Interests) ร้อยละ 25 ในกิจการร่วมค้า BKV-BPP Power LLC (BKV-BPP) ให้แก่ BKV ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 230.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่าประมาณ 7,512 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม BPP ยังคงถือหุ้นร้อยละ 25 ในกิจการร่วมค้าดังกล่าว เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในอนาคต โดยธุรกรรมนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2569 และจะดำเนินการชำระค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสิทธิการลงทุนในรูปแบบของเงินสดจำนวนร้อยละ 50 และหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKV คิดเป็นร้อยละ 50 ของมูลค่ารวม

แผนการปรับโครงสร้างครั้งนี้ช่วยให้เกิดการจัดระเบียบกลุ่มธุรกิจหลักภายใต้กลยุทธ์ 'Energy Symphonics' ใหม่เป็น 4 เสาธุรกิจ ได้แก่ Next-Gen Mining (เหมืองยุคใหม่) ยกระดับการทำเหมืองด้วยเทคโนโลยี AI และเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตแร่แห่งอนาคต ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน US Closed-Loop Gas (ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ) ที่รวมสินทรัพย์ด้านพลังงานก๊าซในสหรัฐฯ ให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ BKV Power+ (ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง) ขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) การซื้อขายพลังงาน โรงไฟฟ้าถ่านหิน และโครงสร้างพื้นฐานของก๊าซธรรมชาติ และ Future Tech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต) มุ่งเน้นเทคโนโลยีพลังงานที่เชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูล (Data Centers) และนวัตกรรมด้านพลังงาน

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “การควบรวมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยน BPP จากผู้ผลิตไฟฟ้าระดับภูมิภาค สู่แพลตฟอร์มหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตในกลุ่มบ้านปู ประกอบกับการขายสิทธิการลงทุนบางส่วนจำนวนร้อยละ 25 ใน BKV-BPP ก็จะช่วยปลดล็อกเงินทุนที่สามารถนำไปใช้ในการลดภาระหนี้หรือการลงทุนใหม่ในโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ได้ ทั้งยังรักษาตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐฯ เพื่อเปิดรับการเติบโตในระยะยาวในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ ด้วยบทบาทของเราในฐานะเสาธุรกิจหลัก ‘Power+ (เพาเวอร์ พลัส)’ จะเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงห่วงโซ่คุณค่าพลังงานแบบครบวงจรของกลุ่มบ้านปู เพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน และขยายโอกาสในการเข้าถึงเงินทุนสำหรับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งจะช่วยปลดล็อกคุณค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ที่สะท้อนในตลาดได้อย่างดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น”

แผนเชิงกลยุทธ์นี้สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของบ้านปูไปสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ ทั้งนี้ ภายในปี 2573 บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เป็น 1.5 เท่า ลดสัดส่วนรายได้หรือ EBITDA ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่าร้อยละ 50 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 และ 2 มากกว่าร้อยละ 20

สำหรับเป้าหมายระยะยาว บ้านปูยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 ภายใต้พันธสัญญา “Our Way in Energy” หรือ “พลังบ้านปู สู่พลังงานที่ยั่งยืน” โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ผ่านการเติบโตอย่างรับผิดชอบ การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน และโซลูชันพลังงานที่พร้อมรับมือกับโลกอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง