สหรัฐฯ เลือก 10 บริษัท เร่งโครงการเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขั้นสูงภายในปี พ.ศ. 2569

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (DOE) ได้ประกาศคัดเลือก 11 โครงการอุตสาหกรรมเอกชนเข้าร่วม "โครงการนำร่องเครื่องปฏิกรณ์ของประธานาธิบดี" (Presidential Reactor Pilot Program) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการผลักดันและเร่งรัดการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขั้นสูง
โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างและเริ่มดำเนินการเครื่องปฏิกรณ์ทดสอบให้ได้อย่างน้อย 3 เครื่อง ภายในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2569 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงกระบวนการทดสอบและปูทางสู่การออกใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ในอนาคต
เป้าหมายและที่มาของโครงการ
โครงการนี้ถูกริเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการผลักดันให้สหรัฐอเมริกากลับขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกในด้านพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างความมั่นคงทางพลังงานเพื่อรองรับความต้องการของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในประเทศ
โดยโครงการจะช่วยเร่งรัดกระบวนการอนุมัติและทดสอบการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์รุ่นใหม่ ณ สถานที่ต่างๆ นอกเขตห้องปฏิบัติการแห่งชาติ
บริษัทที่ได้รับคัดเลือกและเงื่อนไขการลงทุน
ภายใต้โครงการนี้ แต่ละบริษัทจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดอายุโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ, การผลิต, การก่อสร้าง, การดำเนินงาน ไปจนถึงการรื้อถอน แต่จะได้รับประโยชน์เป็นการปลดล็อกเงินทุนจากภาคเอกชนได้ง่ายขึ้น และมีช่องทางที่รวดเร็ว (fast-track) สำหรับการขอใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ในอนาคต
1. Aalo Atomics
บริษัทพัฒนา "Aalo Pod" ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์แบบโมดูลาร์ (Modular Reactor) ขนาด 50 MWe ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) โดยใช้โลหะเหลว (Liquid Metal) เป็นสารหล่อเย็น ซึ่งช่วยให้ระบายความร้อนได้เร็วกว่าน้ำหรือก๊าซถึง 10 เท่า ทำให้มีขนาดเล็กแต่ให้พลังงานสูง และสามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการ
2. Antares Nuclear
บริษัทมุ่งเน้นไปที่เครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็ก (Microreactor) ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบนโลก ในอวกาศ และใต้น้ำ โดยใช้เชื้อเพลิง TRISO ที่มีความปลอดภัยสูง และใช้ก๊าซไนโตรเจนในระบบ Brayton Cycle เพื่อการแปลงพลังงานที่มีประสิทธิภาพและบำรุงรักษาง่าย
3. Atomic Alchemy
บริษัทใช้เทคโนโลยี VIPR® ร่วมกับความเชี่ยวชาญในการรีไซเคิลเชื้อเพลิงของ Oklo เพื่อผลิตไอโซโทปรังสีทางการแพทย์ที่มีคุณค่าจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกากนิวเคลียร์ให้เป็นประโยชน์และลดปริมาณกากที่ต้องกำจัด
4. Deep Fission Inc
บริษัทนำเสนอแนวคิดที่แตกต่างโดยการติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์แรงดันน้ำ (Pressurized Water Reactor - PWR) ขนาดเล็ก (15 MWe) ไว้ใต้ดินลึก 1 ไมล์ ซึ่งอาศัยแรงดันและความแข็งแกร่งของชั้นหินใต้ดินเป็นเกราะป้องกันทางธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติบนพื้นผิวโลก
5. Last Energy Inc
บริษัทพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ PWR-20 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ (20 MWe) ที่สร้างจากชิ้นส่วนที่ผลิตในโรงงานและนำมาประกอบที่หน้างาน ทำให้ก่อสร้างได้รวดเร็วภายใน 24 เดือน และสามารถติดตั้งได้ใกล้กับแหล่งที่ต้องการใช้พลังงานโดยตรงโดยไม่ต้องพึ่งพาสายส่งไฟฟ้า
6. Oklo Inc
บริษัทกำลังพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "Aurora" ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์แบบเร็ว (Fast Reactor) ที่สามารถนำเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วจากเครื่องปฏิกรณ์รุ่นเก่ามาเป็นเชื้อเพลิงได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นการลดปริมาณกากนิวเคลียร์และสร้างพลังงานสะอาดไปพร้อมกัน
7. Natura Resources LLC
บริษัทกำลังพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์เกลือหลอมเหลว (Molten Salt Reactor - MSR) ที่ใช้เชื้อเพลิงในรูปของเหลว (ยูเรเนียมฟลูออไรด์ละลายในเกลือหลอมเหลว) ซึ่งช่วยให้สามารถสกัดไอโซโทปทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ออกมาจากเชื้อเพลิงได้โดยตรง และยังสามารถผลิตความร้อนอุณหภูมิสูงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้
8. Radiant Industries
บริษัทพัฒนา "Kaleidos" เครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบพกพา (Portable Microreactor) ที่สามารถขนส่งทางรถบรรทุกหรือเครื่องบินเพื่อไปติดตั้งในพื้นที่ห่างไกลหรือใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองฉุกเฉินสำหรับโรงพยาบาลหรือฐานทัพทหาร โดยใช้เชื้อเพลิง TRISO ที่มีความปลอดภัยสูงและระบายความร้อนด้วยอากาศ
9. Terrestrial Energy
บริษัทพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์เกลือหลอมเหลวแบบอินทิกรัล (Integral Molten Salt Reactor - IMSR) ที่สามารถผลิตพลังงานความร้อนอุณหภูมิสูงถึง 585 องศาเซลเซียส ซึ่งมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าเครื่องปฏิกรณ์แบบดั้งเดิมเกือบ 50% และใช้เชื้อเพลิงยูเรเนียมเสริมสมรรถนะระดับต่ำ (LEU) ที่หาได้ทั่วไป
10. Valar Atomics
บริษัทใช้เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ก๊าซอุณหภูมิสูง (High-Temperature Gas Reactor - HTGR) ที่ใช้ฮีเลียมเป็นสารหล่อเย็น ทำให้สามารถสร้างอุณหภูมิได้สูงถึง 900 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่เพียงแต่ผลิตไฟฟ้า แต่ยังมีศักยภาพในการผลิตไฮโดรเจนและเชื้อเพลิงสังเคราะห์คาร์บอนต่ำสำหรับภาคการขนส่งอีกด้วย
เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขั้นสูงของบริษัทที่ได้รับคัดเลือกมีความหลากหลายและล้ำสมัย ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องปฏิกรณ์แบบโมดูลาร์ที่สร้างได้รวดเร็ว (Last Energy) และเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบพกพาสำหรับพื้นที่ห่างไกล (Radiant Industries) ไปจนถึงแนวคิดใหม่ๆ อย่างการติดตั้งใต้ดินเพื่อความปลอดภัยสูงสุด (Deep Fission)
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นความยั่งยืนผ่านการรีไซเคิลเชื้อเพลิงใช้แล้ว และการผลิตไอโซโทปทางการแพทย์ (Atomic Alchemy, Natura Resources) รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเกลือหลอมเหลวและก๊าซอุณหภูมิสูง (Terrestrial Energy, Valar Atomics) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม
โดยทั้งหมดนี้แสดงถึงความพยายามในการทำให้พลังงานนิวเคลียร์มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายยิ่งขึ้น ในยุคที่ความต้องการไฟฟ้าเพื่อหล่อเลี้ยงศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI ที่ต้องใช้กำลังไฟฟ้ามหาศาล
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
