ด่วน! นทท.อิสราเอลหนีจากโรงแรมกลางกรุง ที่แท้ติดโควิดโอมิครอน
ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุถึงกรณีนักท่องเที่ยวหนุ่มอิสราเอลที่ติดเชื้อโควิด-19 หลบหนีจากโรงแรม ยืนยัน จากการตรวจสอบสายพันธ์ พบ เป็นโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอน ซึ่งเป็นการนำตัวอย่างเชื้อมาตรวจหาสายพันธ์ตั้งแต่วันแรก 17 ธันวาคม พบ ผลเป็นบวก จากนั้นส่งมาตรวจหาสายพัธ์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 18 ธันวาคม พบเป็นสายพันธ์โอมิครอน
ส่วนกรณีที่ตรวจหาเชื้อ และผลเป็นลบ เนื่องจากอาจจะเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสเริ่มน้อย และใกล้จะหายแล้ว ทำให้การตรวจหาเชื้อที่ โรงพยาบาลในสมุย 2 แห่ง ผลเป็นลบ // ซึ่งวันนี้จะมีการจัดส่งตัวอย่างเชื้อมาตรวจที่ห้องปฏิบัติการที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ 11 จ.สุราษธานี โดยเชื้อจะมาถึงเวลา 09.00น.
ข้อมูลเบื้องต้น คนที่ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวอิสราเอล ในวันที่ 17-18 เดือนธันวาคม ถือว่า มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากปริมาณเชื้ออยู่ โดยมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้ ถึงแม้จะในระยะที่เชื้อน้อยแล้วก็ตาม
นพ.ศุภกิจ คาดว่า จากกรณีดังกล่าวถือเป็นการตรวจพบในระยะท้ายของโรคโควิด-19แล้ว เนื่องจากการตรวตหาเชื้อครั้งแรก ให้ผลเป็นบวก แต่ ต่อไปผลการตรวจ ครั้งที่2-3 ให้ผลเป็นลบ จึงคิดว่าเป็นการหายป่วยแล้วจึงไม่พบเชื้อ อย่างไรก็ตามเพื่อความชัดเจนทางกรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์จะตรวบสอบตัวอย่างของนักท่องเที่ยวอิสราเอลคาดจะทราบผลในบ่ายวันนี้
นพ.ศุภกิจ ระบุอีกว่า การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศไทย 72 ชั่วโมง อาจจะพบได้ 2 แบบ คือ ตรวจจากต้นทางยังไม่พบเชื้อ เนื่องจากอาจจะอยู่ระหว่างช่วงการฟักตัวของเชื้อ แล้วมาพบเชื้อเมื่อมาถึงประเทศปลายทาง รวมถึงปริมาณเชื้อที่เจอ บางรายน้อย ซึ่งอาจจะทำให้การตรวจหาเชื้อในรอบถัดไปไม่พบเชื้อแล้ว
ส่วนการเฝ้าระวังสายพันธ์โอมิครอนขณะนี้ได้มีการสุ่มตรวจหาสายพันธ์ทุกสัปดาห์ รวมถึงกลุ่มคลัสเตอร์ปฏิบัติธรรม จ.กาฬสินธ์ ที่ติดเชื้อกว่า 90 คน และกลุ่มคลัสเตอร์อื่นๆที่มีการระบาดและเข้าข่ายสงสัย เบื้องต้นการตรวจหาสายพันธ์โควิดจากนี้จะทำการตรวจยืนยันแค่ครั้งเดียวและจะรู้ผลภายใน1 วัน
นพ.ศุภกิจ ระบุอีกว่า การเจอผู้ติดเชื้อโอมิครอนกว่า 100 คน มีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะหลุดออกจากระบบหากไม่ได้ถูกควบคุมอยู่ในระบบตั้งแต่แรก เช่น ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อโอมิครอนขณะอยู่ในโรงแรมที่กักตัว
อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศ 2 รายยังคงมีความเชื่อมโยงกับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ
ภาพจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์