เทียบ “วัดภูม่านฟ้า” กับ “นครวัด” ต่างกันอย่างไร?

เมื่อข้อกล่าวหาเกิดขึ้นในเวทีโลก
วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 บนเวทีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 47 นางเฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมแห่งกัมพูชา ได้กล่าวถ้อยแถลงโดยหยิบยกกรณี “วัดภูม่านฟ้า” ของไทย ว่าเป็นการลอกเลียนแบบ “นครวัด” แหล่งมรดกโลกสำคัญของกัมพูชา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยูเนสโกและองค์การที่ปรึกษาตรวจสอบข้อเท็จจริง
ในช่วงเวลาเดียวกัน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวสร้างความผิดหวังให้แก่ฝ่ายไทย เนื่องจากวัดภูม่านฟ้าเป็นศาสนสถานร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะหลากหลายแขนงในไทย มิใช่การลอกเลียนใด ๆ ทั้งสิ้น
การชี้แจงเชิงนโยบายและท่าทีไทย–กัมพูชา
ต่อมา นายสีหศักดิ์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เวทีมรดกโลกไม่ใช่พื้นที่เหมาะสมในการหยิบยกข้อพิพาทเชิงสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะเมื่อมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง อีกทั้งไทยพร้อมเปิดการหารือกับกัมพูชาในระดับทวิภาคีบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี โดยเฉพาะเมื่อผู้นำสองประเทศเห็นพ้องร่วมกันที่จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจาในประเด็นนี้
วัดภูม่านฟ้า เกิดขึ้นเมื่อใด มีที่มาอย่างไร
หากย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2562 วัดภูม่านฟ้าได้เริ่มก่อสร้างขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีแนวคิดหลักคือการผสมผสานศิลปะอินเดีย ขอมโบราณ และแรงบันดาลใจส่วนบุคคลจากจินตนาการของผู้สร้าง วัดนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมหินทรายที่ถูกแกะสลักด้วยมือทั้งหมดโดยช่างไทย ซึ่งเน้นแรงศรัทธาและภูมิปัญญาท้องถิ่น
องค์ประกอบสำคัญภายในวัดประกอบด้วยพระมหาเจดีย์ หลวงปู่หิน และเมืองจำลองสีหนครซึ่งสะท้อนศิลปะโบราณ ทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นแหล่งศรัทธาและจุดหมายด้านจิตวิญญาณสำหรับชาวพุทธร่วมสมัย
นครวัดคืออะไร และมีที่มาย้อนกลับไปเมื่อใด
ย้อนกลับไปยังคริสต์ศตวรรษที่ 12 ปราสาทนครวัดในราชอาณาจักรกัมพูชาได้ถูกสร้างขึ้นในยุคของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ก่อนจะกลายเป็นพุทธสถานในเวลาต่อมา ตัวโครงสร้างใช้ศิลาแลงภายในและหินทรายเป็นเปลือกนอก โดยอาศัยแรงงานจำนวนมากจากระบบคลองและถนนโบราณ
นครวัดถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะเขมรคลาสสิก มีขนาดใหญ่กว่า 1.6 ล้านตารางเมตร และเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกในปี พ.ศ. 2535
เทียบให้ชัด วัดภูม่านฟ้ากับนครวัด แตกต่างตรงไหน
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลสถาปัตยกรรม แรงบันดาลใจ เทคนิคการก่อสร้าง และเจตจำนงของผู้สร้าง จะพบความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างวัดทั้งสองแห่ง
ประเด็นเปรียบเทียบ | วัดภูม่านฟ้า (บุรีรัมย์) | นครวัด (กัมพูชา) |
---|---|---|
ยุคสมัย | เริ่มสร้างปี 2562 (ร่วมสมัย) | คริสต์ศตวรรษที่ 12 (ยุคขอมโบราณ) |
จุดประสงค์ | พุทธสถานร่วมสมัย ศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน | เทวสถานและสุสานกษัตริย์ในศาสนาฮินดู–พุทธ |
ศิลปะและแรงบันดาลใจ | อินเดีย ขอม จินตนาการของผู้สร้าง | ศิลปะเขมรคลาสสิก สร้างเพื่อยกย่องเทพเจ้าและกษัตริย์ |
วัสดุก่อสร้าง | หินทรายจากท้องถิ่น แกะสลักด้วยมือ | ศิลาแลง (โครงสร้าง) หินทราย (เปลือกนอก) |
เทคโนโลยีในการสร้าง | เครื่องมือสมัยใหม่ ผสานแรงงานฝีมือท้องถิ่น | แรงงานโบราณ ใช้การขนส่งทางคลองและแรงงานมหาศาล |
ขนาดพื้นที่ | ประมาณ 200 ไร่ (กำลังก่อสร้าง) | มากกว่า 1.6 ล้าน ตร.ม. (สร้างเสร็จสมบูรณ์) |
สถานะทางวัฒนธรรม | ยังไม่ขึ้นทะเบียนใด ๆ | มรดกโลกจากยูเนสโก ปี 2535 |
สรุปความแตกต่างในเชิงโครงสร้างและเจตนารมณ์
- เมื่อวิเคราะห์อย่างรอบด้าน วัดภูม่านฟ้าอาจมีความคล้ายคลึงกับนครวัดในบางลักษณะ เช่น การใช้หินทรายและรูปทรงคล้ายปราสาทหิน แต่ความตั้งใจของการก่อสร้าง เทคนิคที่ใช้ ยุคสมัย และวัตถุประสงค์ของแต่ละแห่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
- นครวัด เป็นสถาปัตยกรรมศักดิ์สิทธิ์ในยุคขอมโบราณที่มีความซับซ้อนทางวิศวกรรมและมีสถานะระดับโลก ส่วนวัดภูม่านฟ้าเป็นงานศิลป์ร่วมสมัยที่สะท้อนศรัทธาและพลังของชุมชนท้องถิ่นไทยซึ่งยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
- ดังนั้น การกล่าวหาว่าเป็นการลอกเลียนจึงไม่อาจสรุปได้เพียงจากความคล้ายทางรูปทรงโดยปราศจากบริบททางประวัติศาสตร์และเจตจำนงของผู้สร้าง
FAQ: คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับวัดภูม่านฟ้าและนครวัด
1. วัดภูม่านฟ้าได้รับแรงบันดาลใจจากนครวัดจริงหรือไม่?
ไม่โดยตรง วัดภูม่านฟ้าได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะอินเดียและขอมโบราณ ผสมผสานกับจินตนาการของผู้สร้าง จุดเด่นอยู่ที่การสร้างด้วยหินทรายจากท้องถิ่นและฝีมือช่างไทย ไม่มีหลักฐานว่าเป็นการลอกแบบนครวัด
2. วัดภูม่านฟ้าเริ่มสร้างเมื่อใด และสร้างเสร็จแล้วหรือยัง?
วัดภูม่านฟ้าเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2562 โดยยังอยู่ระหว่างการดำเนินการบางส่วน ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมในหลายพื้นที่และได้รับความนิยมในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะและจิตวิญญาณ
3. นครวัดมีความสำคัญอย่างไรต่อกัมพูชา?
นครวัดเป็นศาสนสถานโบราณที่สร้างขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่อเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ก่อนเปลี่ยนเป็นพุทธสถานภายหลัง ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกัมพูชาและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2535
4. วัดภูม่านฟ้ากับนครวัดใช้วัสดุก่อสร้างเหมือนกันหรือไม่?
คล้ายกันบางส่วน โดยทั้งสองแห่งใช้หินทราย แต่ต่างกันที่นครวัดใช้ศิลาแลงเป็นโครงสร้างหลัก ขณะที่วัดภูม่านฟ้าใช้หินทรายทั้งองค์ประกอบ แกะสลักด้วยมือโดยช่างไทยร่วมสมัย
5. ไทยกับกัมพูชาจะมีการหารือเรื่องวัดภูม่านฟ้าหรือไม่?
มีแนวโน้มสูง โดยไทยเสนอให้พูดคุยกันในระดับทวิภาคีแทนการยกขึ้นบนเวทีโลก เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในฐานะประเทศเพื่อนบ้านตามที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องร่วมกันไว้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
