ไทย–กัมพูชาพร้อมลงนามคำประกาศสันติภาพ ไทยชูปราบสแกมเมอร์เป็นวาระโลก

ไทย–กัมพูชาพร้อมลงนามคำประกาศสันติภาพ 26 ต.ค.นี้
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จะมีการลงนามในเอกสาร “Joint Declaration between Thailand and Cambodia on the outcomes of their meetings leading to peace” โดยมีสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการสร้างสันติภาพระหว่างสองประเทศ
รมว.ต่างประเทศระบุว่า ไทยให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาชายแดนกับกัมพูชาในกรอบทวิภาคี โดยเอกสารคำประกาศจะเป็นกรอบแนวทางเพื่อดำเนินการจริงในพื้นที่ ทั้งการลดกำลังทหาร การถอนอาวุธหนัก การกู้ทุ่นระเบิด และการร่วมกันปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายหารือกันต่อเนื่องตั้งแต่นิวยอร์กและกัวลาลัมเปอร์
“การเจรจาต้องไม่ทำให้ไทยสูญเสียอธิปไตยหรือศักดิ์ศรี แต่ต้องนำไปสู่สันติภาพอย่างยั่งยืนผ่านกระบวนการทางการทูต ซึ่งมั่นคงกว่าการใช้กำลังทางทหาร” นายสีหศักดิ์กล่าว
ฝ่ายไทยคาดหวังว่าจะได้เห็นการปฏิบัติจริงจากข้อตกลง เช่น การถอนอาวุธหนักที่มีกำหนดหารือในวันที่ 25 ตุลาคม ระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยและฝ่ายกัมพูชา
ชู “ปราบสแกมเมอร์” เป็นวาระระหว่างประเทศ
นายสีหศักดิ์เปิดเผยว่า ไทยจะเสนอให้การปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์เป็น “วาระระหว่างประเทศ” ในเวทีอาเซียน เนื่องจากอาชญากรรมลักษณะนี้ส่งผลกระทบทั่วโลก ไม่เพียงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่รวมถึงสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ โดยไทยมีศูนย์กลางประสานข้อมูลร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อขยายความร่วมมือระดับภูมิภาค
“หลายชาติเริ่มตระหนักว่าปัญหานี้เกินขีดความสามารถของอาเซียนที่จะรับมือเพียงลำพัง ไทยพร้อมเป็นแกนนำในการเชื่อมโยงข้อมูลและดำเนินมาตรการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม” นายสีหศักดิ์กล่าว
สหรัฐฯ–มาเลเซียหนุนบทบาทไทย
รัฐมนตรีต่างประเทศยืนยันว่า สหรัฐฯ และมาเลเซียพร้อมสนับสนุนความร่วมมือในภูมิภาค โดยสหรัฐฯ แสดงท่าทีต้องการมีบทบาทเชิงบวกในอินโด–แปซิฟิก และอาจมีการประกาศข้อตกลงทางการค้าร่วมกับประเทศในอาเซียน ขณะที่มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเจรจาไทย–กัมพูชา
ผลักดันสันติภาพในเมียนมา
นอกจากปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ไทยยังเตรียมผลักดันให้การแก้ไขวิกฤตในเมียนมาเป็นวาระสำคัญของการประชุม โดยเสนอให้ผู้แทนพิเศษของอาเซียนมีวาระอย่างน้อย 3 ปี เพื่อให้การดำเนินงานต่อเนื่อง และเริ่มดำเนินการตาม ฉันทามติ 5 ข้อ อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการลดความรุนแรง เปิดการเจรจาทุกฝ่าย และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
“ไทยได้รับผลกระทบโดยตรงจากชายแดนเมียนมา จึงจำเป็นต้องมีบทบาทนำในการสร้างสันติภาพและการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง” นายสีหศักดิ์กล่าว
ไทยย้ำเดินหน้า “Real Peace”
รมว.ต่างประเทศกล่าวย้ำว่า การลงนามเอกสารคำประกาศกับกัมพูชาไม่ใช่ “ข้อตกลงสันติภาพ” เต็มรูปแบบ แต่เป็นกรอบเจตนารมณ์ร่วมที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง ซึ่งไทยต้องการเห็น “สันติภาพที่แท้จริง” หรือ Real Peace เกิดขึ้นผ่านการร่วมมือของทุกฝ่าย และต้องมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนติดตามการดำเนินการโดยสมัครใจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระดับภูมิภาค
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
