APUREเร่งผลิตเพิ่ม บาทอ่อน-เข้าไฮซีซัน
#APURE #ทันหุ้น - APURE ถูกใจยุโรป-อเมริกาสั่งซื้อข้าวโพดหวานล้น เร่งปรับกลยุทธ์เพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวโพดหวานกว่า 30% รองรับความต้องการของลูกค้าข้ามปี รับยอดขายทั้งปี 2565 ทรงตัว แต่บาทอ่อนจะหนุนกำไรอย่างมีนัยสำคัญ เป้ายอดขายรวมทั้งปี 2566 โต 30-35%
นายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปยังคงได้รับความนิยมจากทั้งตลาดยุโรป, สหรัฐอเมริกา, รวมถึงตลาดในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงปรับกลยุทธ์รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะ 3 ปีข้างหน้าด้วยการจัดงบประมาณสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโพดหวานมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดหวานขึ้นเฉลี่ยปีละ 30% มุ่งเพิ่มปริมาณข้าวโพดเข้าไลน์การผลิตให้ได้เฉลี่ยที่ 300,000 ตันต่อปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทีมการตลาดวางแผนขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากแผนการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดหวานเป็นไปตามประมาณการที่บริษัทตั้งไว้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมทั้งปี 2566 จะเติบโตจากปี 2565 ได้เฉลี่ย 30-35%YoY
@ไฮซีซันสั่งเข้าเทศกาล
พร้อมกันนี้คาดการณ์ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ว่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับงวดครึ่งแรกของปี 2565 ที่ผ่านมา หนุนจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจส่งออก ประกอบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดหวานได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถทยอยส่งมอบสินค้าที่ตกค้างมาจากงวดไตรมาส 2/2565 ให้ลูกค้า รวมถึงยังมีคำสั่งซื้อใหม่ทยอยเข้ามาจากลูกค้าในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง
“บริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อสต๊อกสินค้าไว้จำหน่ายในช่วงเทศกาล ดังนั้นตลอดเดือนตุลาคม 2565 นี้จึงต้องเร่งเตรียมสินค้าเพื่อส่งมอบอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยหากบริษัทยังสามารถจัดหาข้าวโพดหวานที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานของบริษัทได้เพิ่มเติม ก็จะทยอยส่งมอบสินค้าตามยอดที่ “ตกค้าง” ในช่วงครึ่งแรกของเดือนธันวาคม ก่อนเทศกาลเฉลิมฉลอง-หยุดยาว”
@บาทอ่อนหนุน
บริษัทคาดการณ์ยอดขายรวมทั้งปี 2565 มีแนวโน้มใกล้เคียงกับช่วงปี 2564 ที่ทำได้ 2,342.84 ล้านบาท กดดันจากสภาพอากาศแปรปรวน ผลผลิตวัตถุดิบหลัก คือข้าวโพดหวานขาดแคลนทำให้ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้เต็มกำลัง ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถส่งออกสินค้า และเดินหน้าขยายฐานการตลาดได้อย่างเต็มที่ ขณะที่กำไรสุทธิมีแนวโน้มดีขึ้น หนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรักษาฐานลูกค้าทั้งในภูมิภาคเอเชีย, ทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เนื่องจากบริษัทประสานข้อมูลข่าวสารกับคู่ค้า และลูกค้าอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับความพยายามหาแหล่งวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านที่ได้มาตรฐานของบริษัทมาผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าให้ได้ตามแผน
“ข้าวโพดหวานจากไทย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งรสสัมผัส และสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากแหล่งผลิตในสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยค่าเงินทำให้ราคาจำหน่ายถูกกว่าถึงกว่า 30%และเมื่อมารวมกับการบริการลูกค้าแบบไทย การสื่อสารที่ตรงไปตรงมาทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น และยินดีที่จะแนะนำลูกค้าใหม่ๆ ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อลูกฐานลูกค้าพร้อม บริษัทก็ปรับกลยุทธ์การผลิตไว้รองรับแล้ว ก็มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะกลับมาเติบโตแข็งแกร่งตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป”