รีเซต

ศบค.เผยมาตรการปรับใหม่ ‘ไฟเซอร์เด็ก’ ล็อตแรกถึงไทยพรุ่งนี้ ชี้ทิศทางโควิดทรงตัว

ศบค.เผยมาตรการปรับใหม่ ‘ไฟเซอร์เด็ก’ ล็อตแรกถึงไทยพรุ่งนี้ ชี้ทิศทางโควิดทรงตัว
มติชน
25 มกราคม 2565 ( 14:07 )
45
ศบค.เผยมาตรการปรับใหม่ ‘ไฟเซอร์เด็ก’ ล็อตแรกถึงไทยพรุ่งนี้ ชี้ทิศทางโควิดทรงตัว

เมื่อวันที่ 25 มกราคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้สรุปผลการประชุมของ ศบค.ชุดใหญ่ ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ออกเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 22 และมีมติเห็นชอบให้ขยายออกไปอีก 2 เดือน ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 โดยข้อสรุปมีดังนี้

 

1.ปรับพื้นที่สี ตามสถานการณ์ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ จากเดิมที่มีพื้นที่สีส้ม 69 จังหวัด ลดลงเหลือ 44 จังหวัด และพื้นที่สีเหลืองจากเดิมไม่มี เพิ่มขึ้นมาเป็น 25 จังหวัด และพื้นที่สีฟ้าก็ยังคงเดิม 8 จังหวัด

 

2.มาตรการทำงานที่บ้าน ไม่ขยายระยะเวลาต่อ

 

3.มาตรการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร มีการจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ไม่เกินเวลา 23.00 น. ปรับจากเดิม 21.00 น. โดยจะต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop Covid 2 Plus และมาตรการ Covid Free Setting เท่านั้น

 

4.สำหรับมาตรการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ไม่จำกัดประเทศ และเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส แต่จะต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง วันแรกและวันที่ 5 และเมื่อมาถึงต้องทราบผลตรวจว่าเป็นลบ จึงจะสามารถออกจากโรงแรมได้ ในส่วนของการทำประกันสุขภาพ หากมาถึงไทยและไม่ครอบคลุมการรักษา จะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดขณะที่เข้ารับการรักษาเอง ทั้งนี้ ผู้เดินทางที่ได้รับการอนุมัติก่อนวันที่ 22 ธ.ค.64 และเดินทางก่อนวันที่ 24 ธ.ค.64 รัฐยังคงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 อยู่เช่นเดิม และการเดินทางเข้ามาแบบ Sand Box มีการเพิ่มเติมอีก 2 จังหวัด คือ จ.ชลบุรี ในบางอำเภอ และ จ.ตราด (เกาะช้าง) และการเข้ามาในระบบ Sand Box สามารถเดินทางในพื้นที่ใกล้เคียงได้ เช่น เกาะสมุย ภูเก็ต เกาะเต่า เป็นต้น

 

สำหรับรายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 2,032,741 ราย มียอดรวม 354,904,903 ราย รักษาหายแล้ว 1,820,900 ราย เสียชีวิตรวม 5,920 ราย คิดเป็นอัตราอยู่ที่ร้อยละ 1.58 โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 72,958,690 ราย อินเดีย 39,543,328 ราย บราซิล 24,134,946 ราย ฝรั่งเศส 16,800,913 ราย และสหราชอนาจักร 15,953,685 ราย

 

โดยในประเทศไทย จำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อ 1,269 ราย สมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อ 556 ราย นนทบุรี พบผู้ติดเชื้อ 411 ราย ภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อ 354 ราย ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อ 314 ราย ขอนแก่น พบผู้ติดเชื้อ 247 ราย ปทุมธานี พบผู้ติดเชื้อ 228 ราย เลย พบผู้ติดเชื้อ 152 ราย นครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อ 144 ราย และ อุดรธานี และศรีสะเกษ พบผู้ติดเชื้อ 118 ราย

 

สถานการณ์การติดเชื้อประจำวันนี้ (25 ม.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,718 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวัง และระบบบริการฯ จำนวน 6,476 ราย จากการค้นหาเชิงรุกจำนวน 21 ราย จากเรือนจำจำนวน 69 ราย และผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศจำนวน 152 ราย ซึ่งทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรวมสะสม 167,922 ราย ในส่วนของผู้ที่หายป่วยวันนี้ มีจำนวน 7,659 ราย รวมหายป่วยสะสม 119,274 ราย มีผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการรักษาอยู่ 81,532 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยอาการหนัก 548 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 114 ราย สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตในวันนี้มีจำนวน 12 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 359 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.21

 

ในส่วนของยอด ผู้เสียชีวิต วันนี้ เป็นผู้เสียชีวิตจากกรุงเทพมหานคร 2 ราย อุบลราชธานี 1 ราย ชุมพร 1 ราย ตรัง 1 ราย นครศรีธรรมราช 1 ราย ยะลา 1 ราย ระนอง 1 ราย ชลบุรี 2 ราย ตราด 1 ราย ปราจีนบุรี 1 ราย เป็นเพศชาย 9 ราย หญิง 3 ราย ค่าเฉลี่ยอายุของผู้เสียชีวิต คือ 69 ปี

 

สำหรับการคาดการณ์ผลจากมาตรการป้องกันควบคุมโรคจะเห็นว่ามีทิศทาง หักหัวลง จากเส้นสีแดงและมาอยู่ที่เส้นสีเขียว ซึ่งมีทิศทางของผู้ติดเชื้อไม่ได้เพิ่มขึ้น หรือลดลง ส่วนเส้นคาดการณ์ผู้เสียชีวิต ยังคงต่ำกว่าเส้นกราฟการระบาด และลดลงช้าๆ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์โลก แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มแต่ผู้เสียชีวิตน้อยลง การได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นสำคัญมาก เพราะไม่ว่าจะรับวัคซีนครบโดสไป 3 เดือน ภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มลดลง

 

ด้าน สถานการณ์การฉีดวัคซีน ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้วรวม 112,759,859 โดส โดยวันนี้ฉีดวัคซีนไป 288,356 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 เพิ่มขึ้น 22,996 ราย คิดเป็นร้อยละ 74.9 ของจำนวนประชากรทั้งหมด เข็มที่ 2 เพิ่มขึ้น 47,236 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.3 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และเข็มที่ 3 เพิ่มขึ้น 218,124 ราย คิดป็นร้อยละ 17.9 ของจำนวนประชากรทั้งหมด

 

สำหรับสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครที่มีรายงานการติดเชื้อสูงสุดมา 10 วันต่อเนื่องแล้ว กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้มีการจัดทีมปฏิบัติการเชิงรุกป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 ลงพื้นที่ โดยพบการติดเชื้อในค่ายมวยเขตบางกอกน้อย 11 ราย มีปัจจัยเสี่ยงที่พบคือรับประทานอาหารร่วมกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ส่วนสถานที่ไม่มีจุดคัดกรองและไม่ได้จัดตั้งจุดกดเจลแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ จะต้องควบคุมให้มีความเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อ

 

สำหรับมาตรการป้องกันควบคุมการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลตรุษจีน ช่วงวันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ.นี้ ในที่ประชุม ศบค.ได้มีมติเห็นชอบถึงสถานการณ์และความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ดังนี้ การรวมตัวกันของญาติพี่น้อง การจัดกิจกรรมไหว้บรรพบุรุษ การเดินทางไปตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต การไปร้านอาหาร การเดินทางไปศาลเจ้า

 

นอกจากนี้ ศบค.ยังออกประกาศ แผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) ซึ่งเป็นสูตรสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ในส่วนของล็อตแรกจะฉีดให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปี ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง โรคเรื้อรัง ทั้งหมด 7 กลุ่มโรค โดยจะต้องผ่านการพิจารณาจากกุมารแพทย์

 

ส่วนล็อตถัดไป สำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกจังหวัด แบ่งฉีดตามสัดส่วนนักเรียน และสำรองกรณีระบาดในพื้นที่ ซึ่งจะทำการฉีดในสถานพยาบาล หรือเด็กที่เรียนหนังสือที่บ้าน (Homeschool) ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ซึ่งลอตแรกจะนำเข้ามาในวันที่ 26 มกราคมนี้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง