รีเซต

รู้จัก Metaverse เมื่อโลกของเราไม่ได้มีแค่ใบเดียวอีกต่อไป

รู้จัก Metaverse เมื่อโลกของเราไม่ได้มีแค่ใบเดียวอีกต่อไป
Tech By True Digital
11 พฤศจิกายน 2564 ( 15:37 )
4.1K
รู้จัก Metaverse เมื่อโลกของเราไม่ได้มีแค่ใบเดียวอีกต่อไป

ใกล้ความจริงและใกล้ชีวิตจริงของเราเข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว สำหรับโลกเสมือนจริงหรือ Metaverse ที่ถูกให้ความสนใจและถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในเวลานี้ จากที่เคยเป็นเพียงแค่แนวคิดการใช้ชีวิตในโลกเสมือนอีกใบ แต่เทคโนโลยีกำลังจะเปลี่ยนให้โลกของเราไม่ได้มีเพียงใบเดียวใบเดิม  Tech By True Digital พามาทำความรู้จัก Metaverse จักรวาลเสมือนจริงที่อยู่เหนือจินตนาการที่กำลังบอกเราว่า โลกใบเดียวอาจไม่เพียงพอกับการใช้ชีวิตอีกต่อไป   

 

Metaverse คืออะไร

หากย้อนกลับไปเมื่อครั้งแรกของโลกที่มีการพูดถึงคำว่า Metaverse นั้นคือเมื่อปี 1992 ในหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ “Snow Crash” ของ Neal Stephenson นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งเล่าเรื่องราวของโลกยุคที่มนุษย์และคอมพิวเตอร์อาศัยอยู่ในพื้นที่โลกเสมือนจริง มีปฏิสัมพันธ์กันผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่ง Metaverse สำหรับคนในยุค ‘90s นั้นอาจดูเหลือเชื่อ เกินจริง เป็นได้เพียงแค่โลกในอุดมคติที่จับต้องไม่ได้ หากแต่วันนี้ Metaverse กำลังเกิดขึ้นจริง เข้าใกล้การใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น 

 

ที่มา: https://medium.com/

 

Metaverse คือ พื้นที่ของโลกเสมือนที่เกิดจากการสร้างสภาพแวดล้อมของโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันในโลกดิจิทัล ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย คือ พื้นที่เสมือนที่มนุษย์ในโลกแห่งความจริงเข้าไปใช้ชีวิตในนั้นได้โดยใช้ตัวตนแบบดิจิทัล ทำให้มนุษย์มีตัวตนทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนในเวลาเดียวกัน ด้วยการผสานและเชื่อมต่อโดยอาศัยเทคโนโลยีหลากหลายให้กลายเป็นพื้นที่โลกใบเดียวกัน ซึ่ง Metaverse ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการที่เราทำกิจกรรมบางอย่างในโลกเสมือนผ่าน Virtual Reality ที่เพียงสวมแว่นแล้วก็สามารถเข้าไปโลดแล่นในโลกเสมือนได้ หรือเป็นแค่คอมมิวนิตี้ออนไลน์โดด ๆ  

 

หากแต่ชื่อเรียกของมัน ซึ่งเป็นคำผสมระหว่าง Meta ซึ่งแปลว่า เหนือกว่า และ Verse ซึ่งมาจาก Universe ซึ่งอาจแปลได้ว่า “จักรวาลเสมือนจริงที่อยู่เหนือจินตนาการ” ก็บ่งบอกได้แล้วว่าโลกเสมือนใบนี้คือจักรวาลที่ครอบคลุมทุกด้านของสังคม เป็นจักรวาลที่มีระบบนิเวศหรือ Ecosystem ที่มีรายละเอียดของการใช้ชีวิต การทำงาน การรับชมบันเทิง และอาจรวมไปถึงระบบเศรษฐกิจดิจิทัลแบบใหม่ในโลกใบนั้น

 

Metaverse จักรวาลที่ต้องการเทคโนโลยี

Metaverse อาศัยเทคโนโลยีหลากหลายที่ทำให้โลกจริงและโลกดิจิทัลกลายเป็นพื้นที่โลกใบเดียวกันได้อย่างสมจริง เชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมีเทคโนโลยีสำคัญ คือ

  • Augmented Reality (AR) คือเทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือนให้ปรากฎบนโลกแห่งความจริง ณ ขณะนั้น เช่น แอปพลิเคชันของ IKEA ให้ลูกค้าสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจาก AR (โลกเสมือน) ไปทดลองวางในห้องจริงของผู้ใช้งาน (โลกจริง) แล้วแสดงผลเป็นโมเดลสามมิติให้เห็นว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เข้ากันกับห้องของตนเองมากน้อยแค่ไหน โดยที่ลูกค้าไม่ต้องไปดูที่โชว์รูมแต่สามารถเห็นภาพจำลองการเลือกซื้อของได้ หรือการเล่นเกม Pokémon GO เป็นต้น

 

ที่มา: https://www.ikea.com/



  • Virtual Reality (VR) คือประสบการณ์เสมือนจริง เป็นการจำลองภาพให้เสมือนจริงแบบ 360 องศา โดยจะตัดขาดเราออกจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่ภาพที่จำลองขึ้นมา อาศัยอุปกรณ์ในการเชื่อมโยงโลกเสมือนกับผู้ใช้งานให้เข้าไปมีประสบการณ์ในโลกเสมือนได้ เช่น แว่นตา VR, ถุงมือ, รองเท้า หรืออุปกรณ์เพื่อความสมจริง เช่นเครื่องสร้างการสั่นสะเทือน เพื่อให้ประสบการณ์การรับรู้ของผู้ใช้งานผ่านการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั่งกลิ่น เพื่อตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกเสมือนนั้น เช่น การเล่นเกมแนวต่อสู้, การจำลองการซ้อมการระงับอัคคีภัยของนักดับเพลิง หรือกระทั่งการจำลองใช้สินค้า เช่น รองเท้าปีนเขา ที่ให้ทดลองสวมรองเท้า แล้วใส่แว่น VR เพื่อจำลองการปีนเขา โดยภาพในจอก็จะเห็นเป็นเหมือนการเดินปีนเขาในทางแคบ ๆ และอันตราย เป็นต้น

 

แบรนด์รองเท้า Merrell สร้างประสบการณ์ VR ให้ลูกค้าสวมรองเท้าแบรนด์ตัวเองและปีนเขาเสมือนจริง

ที่มา: https://www.framestore.com/work/trailscape

 

  • NFT หรือ Non-Fungible Token สำหรับการยืนยันการซื้อขายหรือครอบครองและลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัลในโลกดิจิทัล โดย NFT เป็นโทเคนที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ ด้วยการเข้ารหัสทรัพย์สินหรือผลงานดิจิทัลนั้น ๆ ไว้กับโทเคนให้เป็นเหรียญดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว แต่ละเหรียญไม่ซ้ำกัน และสามารถยืนยันการเป็นเจ้าของได้ ตัวอย่าง NFT เช่น ผลงานศิลปะ เพลง ภาพวาด หรือของสะสม เป็นต้น อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เปย์ทิพย์หรือเปย์เทพ รู้จัก NFT ทรัพย์สินดิจิทัลที่กำลังมาแรง จับต้องไม่ได้แต่มูลค่ามหาศาล





Metaverse ใหม่แต่ใกล้ตัวกว่าที่คิด 

ในโลกของคนเล่นเกม Metaverse เป็นสิ่งที่คุ้นเคย แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว แนวคิดโลกเสมือนอาจดูไกลตัว ทั้งที่จริง Metaverse นั้นใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เพราะแนวคิดของ Metaverse คือ การสร้างพื้นที่ออนไลน์ใหม่ที่ให้ปฏิสัมพันธ์ของผู้คนในนั้นมีหลากหลายมิติมากขึ้น ซึ่งผู้ใช้งานสามารถทำได้มากกว่าการเข้าไปดูหรือรับชมโลกเสมือน แต่เข้าไปใช้ชีวิตจริง มีประสบการณ์ร่วมจริง 

 

โดยการระบาดของโควิด-19 เป็นอีกตัวกระตุ้นให้ผู้คนและภาคธุรกิจหันมาสนใจโลกเสมือนนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตแบบทางไกล ความต้องการและการยอมรับวิธีที่จะทำให้การปฏิสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ให้เหมือนจริงมากขึ้นจึงเพิ่มขึ้นตามลำดับ  ซึ่งหากไม่นับวงการเกมแล้ว Metaverse เริ่มถูกนำไปปรับใช้ ผสมผสาน และเริ่มเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม บางองค์กรต้องมี Metaverse Startegy ในแผนดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นจริงบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ครบวงจรของโลกเสมือน แต่ถือเป็น ‘ส่วนประกอบของโลกเสมือน ที่เริ่มมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราแล้ว อาทิ 

 

  • Virtual Work Space รูปแบบการทำงานทางไกลในโลกเสมือน Horizon Workroom ของ Facebook หรือในชื่อใหม่คือ Meta คือ รูปแบบการทำงานทางไกลแบบใหม่ที่ผู้ร่วมงานทุกคนสามารถทำงานด้วยกันได้ในห้องทำงานเสมือนจริงโดยใช้เทคโนโลยี VR ผ่านอุปกรณ์อย่างแว่น Oculus Quest 2 โดยห้องทำงานนี้สามารถเชื่อมต่อแพลตฟอร์มการสื่อสารอื่น เช่น ใช้ไวท์บอร์ดในห้องประชุมได้ มีโต๊ะทำงานเสมือนจริง มีหน้าจอ Desktop ที่ดึงมาจากหน้าจอจริงของผู้ใช้งาน ทั้งยังกำหนดอวตารของตัวเองได้ และพ่วงการใช้งานอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ใช้การเคลื่อนไหวของมือ (Hand Tracking) บนคีย์บอร์ด แถมยังแสดงการเคลื่อนไหวของแต่ละคนผ่านการ์ตูนอวาตารให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นอีกด้วย 

 

ที่มา: https://www.oculus.com/workrooms/features/

 

  • การประชุมทางไกลในพื้นที่เสมือนจริง Microsoft ขยับเข้าใกล้โลก Metaverse มากขึ้นด้วยการแนะนำแพลตฟอร์มชื่อ Mesh เพื่อใช้ในแอปพลิเคชัน Teams สำหรับการประชุมทางไกล ที่พร้อมใช้งานได้เต็มรูปแบบในปี 2022 ที่ไม่ใช่แค่การสร้างอวตารสามมิติของผู้เข้าร่วมประชุมในโลกเสมือนแบบเดิม ๆ แต่อวตารสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวและท่าทางของผู้ใช้ในขณะประชุม ขยับปากตามเมื่อตรวจจับได้ว่าเรากำลังเปิดไมค์พูดอยู่ แล้วให้ท่าทางไปปรากฎบนหน้าจอ ให้ผู้ใช้สามารถแสดงตัวตนในที่ประชุมได้เสมือนจริงมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเปิดกล้อง และไม่จำเป็นต้องใส่อุปกรณ์ Headset VR หรือแว่นตา HoloLens ของ Microsoft โดยในอนาคตอันใกล้มีแผนจะให้ผู้ใช้แชร์ไฟล์ Office อย่าง Powerpoint และ Excel ในโลกเสมือนได้อีกด้วย 

 

ที่มา: https://www.bloomberg.com/

 

  • ปฐมนิเทศพนักงานใหม่ในสำนักงานใหญ่โลกเสมือน Accenture ได้สร้างสำนักงานใหญ่ของบริษัทในโลกเสมือน เพื่อปฐมนิเทศพนักงานใหม่ในช่วงการระบาดโควิด-19 โดยจัดกิจกรรมนี้ไปแล้วมากกว่า 100 ครั้ง และสำนักงานใหญ่ในโลกเสมือนนี้เข้าถึงพนักงานมากกว่า 10,000 คน  

 

Accenture Virtual Office

ที่มา: https://www.accenture.com/

 

  • แรงงานมนุษย์ดิจิทัล พัฒนาโดย Soul Machines สตาร์ทอัปในนิวซีแลนด์ที่กำลังบุกตลาด Metaverse ด้วยการพัฒนามนุษย์ดิจิทัลเพื่อใช้เป็นแรงงานในภาคการบริการ พนักงานขายหรือผู้ช่วยด้านการดูแลสุขภาพ หรือแม้กระทั่ง Virtual Influencer ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการปรับแต่งหน้าตาและสร้างบุคลิกภาพได้หลากหลาย และทำงานผ่านระบบ AI และสมองดิจิทัล ที่ได้ยินเสียงมนุษย์ผ่านไมโครโฟนและมองเห็นภาพจากกล้องเพื่อเรียนรู้อารมณ์ แล้วนำไปวิเคราะห์เพื่อแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบและแสดงอารมณ์ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

 

โดยล่าสุดแรงงานมนุษย์ดิจิทัลจาก Soul Machines ได้ทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาและให้ข้อมูลสำหรับคนที่ต้องการเลิกบุหรี่โดยเป็นความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งบริการนี้ยังครอบคลุมไปถึงการสร้างมนุษย์ดิจิทัลในแบบของเราได้ด้วย เช่น Will.I.AM ศิลปินฮิปฮอปก็มีมนุษย์ดิจิทัลที่ถอดแบบหน้าตาและลักษณะการพูดแบบตัวเองมาแล้ว

 

ที่มา: https://www.soulmachines.com/

 

  • ออกกำลังกายแบบใหม่ในโลกเสมือน แอปพลิเคชันออกกำลงกายบน VR ชื่อ Supernatural จากบริษัท Within ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Meta ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำเสนอการออกกำลังกายสุดล้ำด้วยการสร้างโลกเสมือนให้ผู้ใช้งานเลือกสถานที่ออกกำลังกายได้ตั้งแต่บนผิวโลกไปจนดาวอังคาร มีเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ให้คำแนะนำในการออกกำลังกาย มีเพลงให้เลือกเข้าจังหวะเพื่อสร้างอรรถรสในการออกกำลังกายได้มากขึ้น  

 

ที่มา: https://www.oculus.com/

 

  • คอนเสิร์ตเสมือนจริง Fortnite แพลตฟอร์มเกมออนไลน์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Epic Games ของ Tencent นั้นประสบความสำเร็จในการจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริงในเกม ที่เป็นการชมคอนเสิร์ตจากบ้านด้วยเทคโนโลยี VR มาแล้วหลายครั้ง เช่น คอนเสิร์ตของ DJ Marshmello ที่มีคนเข้ามาดูมากถึง 12 ล้านคน

 

และล่าสุดคือทัวร์คอนเสิร์ตในชื่อ Rift Tour ที่ได้นักร้องสาวอย่าง Ariana Grande มาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเสมือนจริงนี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเสิร์ตที่ไม่เหมือนใคร ให้กับทั้งแฟนเพลงของ Grande และเกมเมอร์ได้เพลิดเพลินแบบลื่นไหลโดยการจัดคิวคอนเสิร์ตที่นำเสนอเพลงยอดนิยมของ Grande จับคู่กับช่วงเวลา ตามองค์ประกอบจากเกม ที่ทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงและเพลิดเพลินกับเกมในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 78 ล้านคนเลยทีเดียว

 

คอนเสิร์ต Rift Tour ของ Ariana Grande

ที่มา: https://www.epicgames.com/fortnite/

  

 

  • โลกเสมือนใบใหม่ให้ใช้ชีวิตคุณภาพตามจินตนาการ โปรเจกต์ Metaverse Translucia ของไทยโดยความร่วมมือของ T&B Media Global และ MQDC ในการสร้างโลกเสมือนใบใหม่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยอยู่บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า โลกเสมือนใบใหม่นี้จะเป็นอาณาจักรสำหรับการใช้ชีวิตคุณภาพตามแต่ผู้ใช้งานจะจินตนาการ เพื่อให้มีชีวิตที่คิดฝันเกิดขึ้นได้แบบที่ชีวิตจริงทำไม่ได้ โดยเมืองในโลกเสมือนใบใหม่จะเชื่อมโยงกับชีวิตในโลกปัจจุบัน ซึ่งในเวลานี้ MQDC จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโลกเสมือน Translucia ให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการ โดยลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ทั้งโลกจริงและโลกเสมือนที่เชื่อมต่อสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน  

 

โปรเจกต์ Metaverse Translucia ของ T&B Media Global และ MQDC

ที่มา: https://metaversethailand.com/tb-media-global-metaverse-translucia/



Metaverse กับคำถามมากมายและความท้าทายที่สูง

เพราะ Metaverse ยังใหม่มาก และถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Industry 4.0) ที่โลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยมนุษย์และความสามารถของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทำให้โลกดิจิทัลกับโลกความเป็นจริงถูกถักทอผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ซึ่งความท้าทายสำคัญอย่างหนึ่งของโลก Metaverse ซึ่งอาจจะไม่ต่างจากโลกแห่งความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน คือมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลมหาศาลจะหลั่งไหลเข้ามาในโลกเสมือนจริงนี้ การยืนยันตัวตนจากผู้ใช้งานอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ ผู้พัฒนาโลกเสมือนมีวิธีการปกป้องข้อมูลหรือมีข้อกำหนดใดเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลในโลกเสมือนและข้อมูลของโลกแห่งความเป็นจริงของผู้ใช้งานจะยังปลอดภัย 

 

การเกิดขึ้นของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลแบบใหม่ในโลกเสมือน พื้นที่ค้าขายทางธุรกิจ e-commerce ที่กำลังเกิดขึ้น สกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลายจะถูกนำมาใช้กับจักรวาลนี้ในการซื้อขายสินทรัพย์ต่าง ๆ เหล่านี้จะมีการควบคุมหรือสร้างความปลอดภัยให้กับกลไกทางเศรษฐกิจในโลกเสมือนนี้อย่างไร

 

รวมถึงเมื่อใคร ๆ ก็สามารถเป็นผู้ผลิต content (content-creator) ได้ในโลกเสมือนที่แสนเสรี ก็ยิ่งต้องจับตามองการควบคุมเนื้อหาเช่นกัน และที่สำคัญที่สุดเพื่อให้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกเสมือนราบรื่นได้คือการพัฒนาสมรรถนะและความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์และโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่จะถูกนำมาใช้กับ Metaverse ได้อย่างที่โลกเสมือนจะไม่สะดุด 

 

 

โปรแกรมของ Microsoft ที่พัฒนาให้องค์กรสามารถมี Virtual Office ในโลกเสมือน

ที่มา: https://www.bloomberg.com/

 

แนวคิด Metaverse ถูกพัฒนาไปไกลและรวดเร็วจนเข้าใกล้ความเป็นจริง แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการพัฒนาจนเป็นผลสำเร็จ เป็นที่ยอมรับและใช้งานได้จริงแบบครบวงจร แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมก็เริ่มลงมาเคลื่อนไหวเพื่อตระเตรียมกลยุทธ์ Metaverse เพื่อธุรกิจของตนเองแล้ว แบบนี้จะให้เราสนใจเพียงโลกใบเดิมและเพิกเฉยต่อโลกเสมือนใบที่สองได้อย่างไร ถึงเวลาในการเตรียมตัวเพื่อรู้ให้เท่าทันปรากฏการณ์ Metaverse ไม่ว่าจะส่งผลโดยตรงสำหรับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวแบบใหม่หรือเพื่อให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกเสมือนนี้ให้ทันเมื่อถึงคราวที่ต้องใช้งาน ดังนั้นหากใครเคยบอกว่าเรามีโลกใบเดียว ไม่มีโลกใบที่สองให้เราได้พึ่งพานั้นอาจกลายเป็นคำกล่าวที่ล้าสมัยไปแล้ว

 

--------------------------

 

อ้างอิง:

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง