หุ่นยนต์ CEO ! บริษัทโปแลนด์ตั้งหุ่นยนต์เอไอนั่งแท่นผู้บริหาร สั่งการลูกน้องที่เป็นมนุษย์
บริษัทเครื่องดื่มในโปแลนด์ แต่งตั้งหุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์และโมเดลภาษาขนาดใหญ่คล้ายกับแชตจีพีที (ChatGPT) ให้ขึ้นมาทำหน้าที่เป็น “ซีอีโอทดลอง” โดยจะช่วยบริหารงานเหมือนกับผู้บริหารที่เป็นมนุษย์จริง ๆ รวมถึงช่วยวางทิศทางงานให้กับพนักงานที่เป็นมนุษย์ด้วย
หุ่นยนต์ตัวนี้ มีชื่อว่า มิกะ (Mika) เป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เพศหญิง หรือหุ่นยนต์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ฮันสัน โรบอติก (Hanson Robotics) จากฮ่องกง และขณะนี้เธอได้ทำงานให้กับบริษัท ดิกทาดอร์ (Dictador) บริษัทผู้ผลิตเหล้ารัมชื่อดัง
การทำงานของหุ่นยนต์ ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ชื่อว่า Large Language Model (LLM) หรือปัญญาประดิษฐ์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถสร้างข้อมูลการสนทนาได้คล้ายกับการสร้างภาษาของมนุษย์ โดยเธอเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริ่เริ่มของบริษัทในการใช้หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ มาช่วยงานในลักษณะการรับตำแหน่งหน้าที่ในโครงสร้างบริษัทจริง ๆ ซึ่งนี่อาจจะเป็นภาพที่เกิดขึ้นจริงบนโลกธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้ ในอีกประมาณ 5-10 ปีข้างหน้า
โดยก่อนหน้านี้หน้าที่ของมิกะ คือการช่วยเก็บข้อมูล และคัดรายชื่อลูกค้าที่น่าจะมีความสนใจในการสะสมเหล้ารัมระดับไฮเอนด์ เพื่อให้บริษัทเข้าไปทำการตลาดได้ แต่ตอนนี้หน้าที่ของเธอได้ขยายออกไปถึงการช่วยเลือกศิลปินที่จะมาช่วยออกแบบขวดและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ให้บริษัทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารสำคัญคนหนึ่งของบริษัท แต่เธอก็ยังไม่มีอำนาจในบริหารจริง ๆ อย่างเช่น การจ้าง หรือการไล่พนักงานที่เป็นมนุษย์ออกไปได้ เพราะในการตัดสินใจที่สำคัญต่าง ๆ ของบริษัท ยังอยู่ในมือของทีมผู้บริหารที่เป็นมนุษย์ แต่มิกะเองก็กล่าวว่าในการทำงานแล้ว เธอก็มีข้อได้เปรียบเหนือมนุษย์หลายประการเช่นกัน เช่น สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีกระบวนการตัดสินใจที่อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลที่กว้างขวาง ทำให้มั่นใจได้ว่าทางเลือกที่นำเสนอไปนั้นเป็นกลาง และไม่มีอคติส่วนบุคคล
ทางด้าน มาเร็ค สโซลโดรฟสกี้ (Marek Szoldrowski) ประธานตัวจริงของบริษัทนี้กล่าวว่า มิกะเป็นตัวอย่างของการแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์เอไอสามารถมีบทบาทในธุรกิจได้อย่างไร ซึ่งเขามองว่าหุ่นยนต์เอไอประเภทนี้อาจจะเข้ามามีบทบาทในอนาคตของธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต
ข้อมูลจาก reutersconnect