3 ค่ายรถเยอรมนีปลดคนงานครึ่งแสน

ภาคธุรกิจยานยนต์ของเยอรมนีที่เคยเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มส่งสัญญาณวิกฤต หลังจากผู้ผลิตรายใหญ่ทยอยรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ พร้อมทั้งประกาศแผนปลดพนักงานจำนวนมาก
Volkswagen วางแผนลดตำแหน่งงานถึง 33,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2573
ส่วนบริษัทรถหรูในกลุ่ม Volkswagen อย่าง Porsche ประกาศว่าจะปลดอีก 1,900 ตำแหน่ง
ด้าน Mercedes-Benz เองก็มีความเป็นไปได้ว่าจะลดพนักงานลงถึง 20,000 ตำแหน่ง แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
ส่วนผลประกอบการบริษัทรถในเยอรมนีไม่ดีนัก BMW รายงานว่ากำไรในครึ่งแรกของปี 2568 ลดลงมากกว่าร้อยละ 25 ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกันที่ผลกำไรลดลง
สำหรับ Porsche สถานการณ์รุนแรงยิ่งกว่า โดยขาดทุนไปเกือบร้อยละ 70 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568
สาเหตุหลักของวิกฤตนี้มาจากยอดขายที่ตกต่ำ โดยเฉพาะยอดขายในตลาดจีนที่ลดลง รวมถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ที่ต้องจ่ายสำหรับสินค้านำเข้าของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าข้อตกลงภาษีฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐฯและสหภาพยุโรปจะลดอัตราภาษีจากร้อยละ 27.5 เหลือร้อยละ 15 แต่ก็ยังคงสูงกว่าในอดีต ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันเสียเปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ ความล่าช้าในการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความต้องการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ชะลอตัวลง
Porsche ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Volkswagen รวมถึง Mercedes หวังได้รับการปฏิบัติพิเศษในตลาดสหรัฐอเมริกา โดยประกาศแผนการลงทุนจำนวนมากในประเทศสหรัฐฯ และ Volkswagen ยังวางแผนที่จะสร้างโรงงานใหม่สำหรับแบรนด์ Audi แต่หลังจากข้อตกลงเรื่องภาษีใหม่ ความหวังที่จะได้รับข้อยกเว้นพิเศษเหล่านี้ก็ต้องสลายไป
ภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ ยังคงเป็นภาระหนักที่ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเออร์ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนและเทคโนโลยี Sensopart ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซ็นเซอร์สำหรับสายการผลิตของบริษัทอย่าง Mercedes และ BMW ที่แม้ว่าจะมีช่องทางขายตรงในสหรัฐฯ แต่การผลิตทั้งหมดยังอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
“ผู้บริหารของบริษัทรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี อธิบายว่า ต้องเสียภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯ ร้อยละ 15 บวกกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงถึงร้อยละ 8-9 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของลดลงถึงร้อยละ 23-24 เมื่อเทียบกับคู่แข่งในท้องถิ่น”
บริษัทรถยนต์ในเยอรมนี มีการวางแผนที่จะรับภาระต้นทุนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
“นอกจากนี้ยังตั้งใจที่จะมองหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ เช่น ขยายตลาดไปยังอินเดียและอเมริกาใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างพนักงานกว่า 350 คนทั่วโลก” และคาดหวังการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าของรถยนต์ เนื่องจากจะช่วยสร้างความต้องการเครื่องจักรใหม่ๆ แต่ความคืบหน้าในการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวชะลอตัวลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยและการแข่งขันระดับโลกที่ตึงเครียดมากขึ้น
ท่ามกลางวิกฤต ยังมีข่าวดี ว่า บริษัท Volkswagen (VW) กำลังขยายความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในยุโรปอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าว Handelsblatt ได้รายงานว่า ยอดขายรถ EV ทั่วโลก จากค่ายนี้เพิ่มขึ้นถึงร้ยอละ 14.3 หรือประมาณ 193,000 คัน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งในตลาดยุโรปเอง ยังเติบโตมากกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ข่าวดีของค่ายรถยนต์ของเยอรมนีอีกเรื่อง คือ ยอดขายของ Volkswagen แซงหน้าคู่แข่งอย่างบริษัท Tesla (บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ) โดยเครือ Volkswagen เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และใหญ่สุดในเยอรมนี โดยเป็นผู้นำตลาดรถยนต์อีวีในเยอรมนีมายาวนาน
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าซีดานรุ่น ID.7 เป็นรถอีวี ที่ขายดีที่สุดในเยอรมนี ในส่วนยุโรปมีรถยนต์ไฟฟ้าสามรุ่น ได้แก่ ID.3, ID.4 และ ID.7 ที่ติดอันดับท็อปห้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดการจดทะเบียนสูงสุด
เมื่อดูเป็นรุ่นต่าง ๆ ของ Tesla รุ่น Model Y ก็ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งในยุโรปที่มียอดการจดทะเบียนสูงสุด
แต่พบว่าในช่วงปีนี้ รถยนต์ของ Volkswagen กลายมาเป็นผู้นำด้านสถิติการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปแทน จนถึงขนาดที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla กล่าวถึงตลาดยุโรปว่าเป็นตลาดที่อ่อนแอที่สุดของ Tesla
ทางด้าน ผู้ให้บริการด้านข้อมูลอุตสาหกรรม เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับช่องว่างของตัวเลขยอดจดทะเบียนระหว่าง Volkswagen และ Tesla โดยตัวเลขดังกล่าวระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคม - พฤษภาคมปีนี้ Tesla สูญเสียยอดจดทะเบียนในยุโรปไปเกือบ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ Volkswagen เติบโตถึงร้อยละ 90 ในช่วงเวลาเดียวกัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ โดยปกติแล้ว Tesla มักจะสามารถเพิ่มยอดขายในยุโรปในช่วงปลายไตรมาสในยุโรปมีเพียงเดือนมีนาคมเท่านั้นที่ทั้งรถ 2 แบรนด์นี้จะมียอดขายสูสีกัน แต่รถของ Volkswagen ก็ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำด้านยอดขายนำหน้ารถแบรนด์สัญชาติอเมริกันในตลาดทวีปบ้านเกิดของตนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
