วัคซีน ภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ
วันนี้ ขอเขียนเรื่อง วัคซีน ป้องกันโควิด-19 อีกสักรอบ หลังจากที่หลายหน่วยงานออกมาประสานเสียงขานรับ วัคซีนพาสปอร์ต โดยหวังว่า จะช่วยให้การเดินทางเข้า-ออกประเทศ ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบออกใบรับรองวัคซีนพาสปอร์ต แถมยังมีข่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชน ยื่นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ขอขึ้นทะเบียนเป็นบริษัทผู้นำเข้าวัคซีน
แต่ในประเด็น การกระจายวัคซีน ภาคเอกชน กลับมองว่า ต้องเร่งมือให้เร็วขึ้น อย่างล่าสุด ผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดโดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มีความกังวลต่อการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเกรงว่า หากการฉีดวัคซีนล่าช้า และไม่ทั่วถึง จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
พร้อมยังเสนอว่า ภาครัฐควรเร่งจัดซื้อและอนุญาตนำเข้าวัคซีนให้เพียงพอ รวมทั้งเปิดให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าวัคซีนที่ได้รับการอนุญาตจาก อย.มาให้บริการแก่ประชาชน เพื่อเพิ่มทางเลือกป้องกันโควิด-19
รวมถึงควรออกมาตรการส่งเสริมให้เอกชนสั่งซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับแรงงาน และสามารถนำค่าวัคซีนไปหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า หรือ การสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50% ให้แก่สถานประกอบการ
นี่คือบางส่วนของข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน ที่อยากเห็นการกระจายวัคซีนเป็นไปอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว เพราะเชื่อว่า จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ
เช่นเดียวกับ กลุ่มธุรกิจโรงแรม มองว่า หากฉีดวัคซีนล่าช้า จะมีผลต่อการเปิดประเทศ รวมถึงส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการท่องเที่ยว ตลอดจนภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากรายได้ท่องเที่ยว มีสัดส่วนถึง 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความกังวลของภาคเอกชน มีรายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า ในขณะนี้มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุข รับรอง และได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้ว 7 ชนิด อีกทั้ง รัฐบาล เตรียมเปิดแอปพลิเคชัน Health Wallet ให้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19
นับเป็นสัญญาณที่ดี ทำให้มั่นใจได้ว่า แผนจัดหา และกระจายวัคซีน ทำได้เร็วขึ้น และแน่นอนว่า จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ภาคการผลิต และการท่องเที่ยว