ทางรอด 'ชนชั้นกลาง' ก่อนล้มสลาย ถูกจ้างออก AI แย่งงาน ขยันไม่เท่ากับรวย

นี่คือยุคแห่งโศกนาฏกรรม ‘ชนชั้นกลางไทย’ 45 ต้องเกษียณ ค่าครองชีพแพง ค่าแรงเพิ่มไม่ทัน AI ก็แย่งงาน
แต่คนกลุ่มนี้ “ไม่จนพอให้รัฐช่วย แต่ก็ไม่รวยพอ ที่จะอยู่ได้ไม่ลำบาก ” เราจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไง เดี๋ยวโอ๋เล่าให้ฟัง
—------------------------------
ใครคือ ‘ชนชั้นกลาง’? ทำไมถึงน่าเป็นห่วงที่สุด ?
“ชนชั้นกลาง” คือกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลาง - ถึงดีพอสมควร มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปหรือเทียบเท่า
มีงานประจำ มีบ้าน มีรถ มีคอนโด หรือ อาจจะแค่เช่าก็ได้ ชีวิตไม่ได้รวยแต่ไม่ถึงกับอัตคัต
แล้วชนชั้นกลางวัดจากอะไร? ฐานรายได้ไง
ปี 2566 ค่ามัธยฐานรายได้ต่อครัวเรือนของไทยอยู่ที่ 12,669 บาท
แต่จากรายงาน wid.world คนไทยถูกแบ่งเป็น 3 ชั้นชัดเจน:
Top 10% มีรายได้เฉลี่ย 99,072 บาท/เดือน
Middle 40% อยู่ที่ 15,707 บาท
Bottom 50% ได้แค่ 4,941 บาท
กลุ่มกลางที่เราจะโฟกัส จึงคือกลุ่มที่มีรายได้กว้าง ตั้งแต่หมื่นกว่า จนถึงเกือบแสน ถือว่าไม่เยอะ แต่ก็ไม่น้อย
สิ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขา… ‘ถูกเก็บภาษีเต็มๆ แต่มักถูกช่วยเหลือทีหลังเสมอ’
แต่ในวันที่เงินเฟ้อ ของแพง แต่รายได้กลับไม่โตตาม เงินเก็บเริ่มหายาก เงินใช้เริ่มไม่พอ จะใช้ชีวิตตามฝันก็ต้องใช้เงิน ซื้อบ้าน ซื้อรถ เริ่มยากกว่าเก่า จนเรียกได้ว่ากลุ่มนี้คือ ‘ยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่พอ’ แต่ก็ ‘จนไม่พอที่จะได้รับความช่วยเหลือ’ ภาครัฐมักออกมาตรการช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง ก่อนเสมอ ถ้าคุณกำลังมีลักษณะและเผชิญปัญหาเหล่านี้ ใช่แล้วหล่ะ คุณคือ ชนชั้นกลาง เหมือนพวกเรา
งานประจำ ที่ชนชั้นกลางเคยคิดว่ามันมั่นคง แต่วันนี้อาจไม่ใช่เพราะการมาของ 2 ปัจจัย
1.เศรษฐกิจถดถอย - การเมืองไร้เสถียรภาพ : คนขยัน ไม่เท่ากับ รวย
เพราะสถานการณ์เศรษกิจไทยที่หดตัวและถดถอยมากว่า 2 ทศวรรษ การเมืองขาดเสถียรภาพ
ขาดยาแรงแก้ไขปัญหาและแก้โจทย์ประเทศไทยในระยะยาว
ผู้คนช่วยเหลือดิ้นรนกันเอง กระทบคนทำธุรกิจ และ พ่อค้าแม่ค้ามากที่สุด
ทำให้บริษัท อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องรัดเข็มขัด ลดโบนัส ปลดคน เลิกจ้าง
เพราะประคองลมหายใจให้รอดต่อไป เราจะไม่ค่อยเห็น ผลประกอบการบริษัทใด
ที่โตวัน โตคืน อู้ฟู่ ยุคทองดั่งในอดีตอีกแล้ว สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนพนักงานประจำ
ที่เคยถูกสั่งสอนมาว่า แค่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน แล้วประมั่นคง ประสบความสำเร็จ
ในวันนี้มันอาจไม่เพียงพอ หรือ มั่นคงอีกต่อไป เพราะเมื่อมันมารวมกับอีกปัจจัย
2.การมาของ Agentic AI แทนที่แรงงานปกขาวได้โดยตรง
Agentic AI สมองกลที่คิดวิเคราะห์และตัดสินใจแทนมนุษย์ได้แม่นยำขึ้น
ได้เริ่มเข้ามามีบทบาท และ ถูกใช้แทนที่ กลุ่มแรงงาน white collar หรือ กลุ่มปัญญาชน
ชนชั้นกลางบางสายงาน ที่ทำงานด้วยทักษะ คิดวิเคราะห์ คำนวณ จัดการ
เช่นกลุ่มอาชีพเหล่านี้ เช่น ผู้จัดการทั่วไป,นักบัญชี, นักการตลาด
เช่นล่าสุดก็เกิดข่าวใหญ่ สะเทือนใจมนุษย์เงินเดือน
เมื่อธนาคารดัง ตัดสินใจเปิดโครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข”
ให้พนักงานอายุ 45-59 ปี เกษียณก่อนกำหนด เพื่อรับเงินชดเชย ได้
จนกลายเป็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แม้เหตุผลไม่ทราบแน่ชัด
แต่ก็อาจเพราะหลายปัจจัยรวมกันดังที่โอ๋ได้พูดข้างต้น จึงทำให้เกิดการเกษียณก่อนวัยให้หลายคนต้องเจ็บปวด
ทำไม เกษียณไวขึ้นเป็น 45 - 55 ปี ? เพราะบางตำแหน่ง AI แทนที่ได้
วัยนี้เป็นระดับที่อยู่ต่ำกว่า CEO แต่ก็สูงกว่า Manager ฐานเงินเดือนจัดอยู่ในกลุ่มค่อนข้างสูง มีบทบาทสำคัญในการ แก้ไขปัญหา
สื่อสาร ตรวจทาน จัดการ และ เป็นที่ปรึกษา แต่ปัจจุบันคุณสมบัติบางอย่าง AI ทำแทนได้ ทำให้บางองค์กร อาจไม่ต้องพึ่งพาผู้จัดการระดับกลางเท่าเดิมอีกต่อไป
บางคนอาจคิดว่า…ก็แค่ปรับตัวสิยากอะไร แต่ต้องอย่าลืม คนวัย 45 ที่โตมากับ แฟกซ์ โทรศัพท์บ้าน บัตรตอก การเคลื่อนไหวของโลกเป็นไปอย่างช้าๆ การถูกระบบใหม่ สิ่งใหม่ กลืนกิน โดยไม่มีใครช่วยเขา ทั้งความคิด ทัศนคติ ความสามารถ และการปรับตัวสำหรับบางคน…มันไม่ได้ง่ายนัก
แล้วอาชีพแบบไหนที่จะรอด
AI อาจไม่แทนที่ “ทุกคน” แต่สามารถทำให้ “บางคน” ไม่จำเป็นอีกต่อไป
คนที่จะรอด คือคนที่มีทักษะที่ AI แทนไม่ได้ และ ต้องใช้ AI เป็นด้วย
ต้องวางแผนตัวเองอย่างไร?
1.เร่งเสริมทักษะด้าน Digital และ A
อย่างที่บอกว่า AI ไม่ได้ทำแทนมนุษย์ได้ทุกอย่าง ดังนั้นจงใช้ทักษะความเป็นมนุษย์ที่เราถนัด และ เรียนรู้ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองโดยการ ใช้ AI ให้เป็น จะช่วยทำให้เราเป็นตำแหน่งที่อยู่รอดในองค์กรได้มากขึ้น
2.เร่งหา Passive incomes ใช้เงินทำงาน ให้ไวขึ้น
ความน่ากลัวของชีวิต อาจไม่ใช่ความตาย แต่อาจคือ แก่แล้วแต่ยังไม่ตาย และยังไม่รวยสักที
ลองคิดว่าหากต้องเกษียณ 45 และคุณจะอยู่ถึง 80 เท่ากับว่าอีก ครึ่งนึงของชีวิตคุณ ที่จะไร้งานประจำ สิ่งที่จะทำให้คุณมีเงินเข้าทุกเดือนได้ โดยไม่ต้องใช้ร่างกายมากเหมือนสมัยหนุ่มสาว
ก็คือ passive income ที่อาจต้องเริ่มสร้างแล้วตั้งแต่ในวัน 20 30 หรือ 40 ก็ยังไม่สาย
3.Third Jobs อาชีพเดียวไม่ได้อีกต่อไป
ถ้าคุณไปพูดคุยกับคนส่วนใหญ่อายุ 35 ปี อัพ คุณอาจจะพบว่า คนจำนวนไม่น้อย เคยชินกับการมี งานประจำ แค่อาชีพเดียว แต่หากคุณลองไปคุยกับเด็ก 25 ปีลงมา คุณอาจพบว่าพวกเขา หารายได้มากกว่า 1 ทางจนเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะ อาชีพ influencer ที่แม้ผู้ใหญ่บางคน อาจ.
มองว่าไม่มั่นคงเท่างานประจำ แต่ในมุมเด็กๆ ความมั่นคง อาจไม่ใช่ งานประจำกินเงินเดือนไร้อิสระ แต่อาจเป็น การได้งานที่เป็นตัวเอง มีอิสระ และ รายได้ที่เพียงพอในการใช้ชีวิต ทำให้พวกเขาอาจรับมือกับ ยุคสมัยเศรษฐกิจถดถอย ความไม่แน่นอนในการงาน และ การล่มสลายของชนชั้นกลาง ที่กำลังเกิดอยู่ได้ดีกว่า GEN Y GEN X ก็เป็นได้
สรุปสุดท้ายวันนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับชนชั้นกลาง ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่มันคือเรื่องจริงที่ต้องพูด
ทั้งทำงานหนักขยัน ไม่เท่ากับรวย จ่ายภาษีเต็มหน่วย แต่ไร้การดูแลจากรัฐ
งานประจำที่เคยฝากชีวิต ก็อาจไม่ได้มั่นคง สบายตอนแก่แบบที่เคย
สิ่งสำคัญที่อยากฝากในวันนี้คือ พวกเราจะมีสติ และ หาทางรอดกับเรื่องนี้ยังไง
แค่เก็บเงิน อาจไม่พอ ต้องลงทุนหา passive ไว้เลี้ยงเรื่อยๆยามเกษียณ แทนรัฐสวัสดิการที่อ่อนแอ จะลงทุนต้องใช้เงิน ถ้าเงินน้อย งานเดียวอาจไม่พอ ก็ต้องหาเพิ่ม สกิลเดิมที่มี อาจถูกแทนที่ด้วย AI ดังนั้น ต้อง up skills และเอา ความสามารถคุณ + human touch + ใช้AI ให้ได้ หมั่นเรียนรู้ตลอดชีวิต และคุณจะเป็นผู้ที่อยู่รอด ในทุกๆการล่มสลายที่เกิดขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
