รีเซต

STARKเสน่ห์ดึงรายใหญ่ รวมพาร์-แจกวอร์แรนต์

STARKเสน่ห์ดึงรายใหญ่ รวมพาร์-แจกวอร์แรนต์
ทันหุ้น
9 พฤศจิกายน 2563 ( 07:45 )
228
STARKเสน่ห์ดึงรายใหญ่ รวมพาร์-แจกวอร์แรนต์

ทันหุ้น-สู้โควิด- STARK จัดหนัก! ประกาศรวมพาร์เสริมเสน่ห์ ดึงต่างชาติ-กองทุน ก่อนคำนวณใน SET50-MSCI พร้อมแจกวอร์แรนต์ STARK-W1 ฟรี 3:1 อายุ 4 ปี แปลงสิทธิราคา 5 บาท เริ่มแปลง 2 ปีข้างหน้า อนาคตได้เงินเข้าอีก 2 หมื่นล้านบาท เดินเกมต่อยอดเทกโอเวอร์ เพิ่มการเติบโต ด้านโบรกเคาะเป้า 2.50บาท ก่อนรวมพาร์

 

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STARK ระบุว่า บริษัทยังคงเดินหน้าในการเตรียมพร้อมที่จะเข้าคำนวณในดัชนี SET 50 และ MSCI ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท เป็นหุ้นละ 1.00 บาท หรือเรียกว่าการรวมพาร์ ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทอยู่ในความสนใจของกองทุนและนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากการรวมพาร์จะทำให้บริษัทมีลักษณะราคาน่าลงทุนในฐานะหุ้นใหญ่ ไม่ใช่เพนนีสต็อก หรือหุ้นขนาดเล็ก

 

ทั้งนี้ในการรวมพาร์จาก 0.50 บาท เป็น 1 บาท จะส่งผลให้จำนวนหุ้นของบริษัทลดลงครึ่งหนึ่ง จาก 31,750 ล้านหุ้น เหลือ 15,875 ล้านหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 2 เท่า เช่น หากราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 1.70 บาท ก็จะปรับขึ้นมาเป็น 3.40 บาท โดยทุนที่ออกชำระแล้วยังคงเท่าเดิมที่ 11,906 ล้านบาท

 

@แจกวอแรนท์ฟรี 3:1

 

คณะกรรมการยังได้อนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท รุ่นที่ 1 หรือ STARK-W1 จำนวนไม่เกิน 3,968.80 ล้านหน่วย ทั้งนี้ STARK-W1 จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 วอร์แรนท์ ราคาเสนอขาย 0 บาท โดยมีอายุ 4 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิโดยจะออกในวันที่ 1 มกราคม 2564 และกำหนดราคาการใช้สิทธิ 5.00 บาทต่อหุ้น โดยในช่วง 2 ปีแรก ไม่สามารถใช้สิทธิได้ สามารถใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นได้ตั้งแต่ปีที่ 3 ในวันทำการสุดท้ายของทุกไตรมาส

 

เพื่อรองรับสิทธิ์ดังกล่าว คณะกรรมการจึงได้อนุมัติให้มีการลดทุนจดทะเบียนจำนวน 240 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 12,146.40 ล้านบาท เป็นจำนวน 11,906.40 ล้านบาท โดยตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกจำนวน 480 ล้านหุ้น และได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 15,875.21 ล้านหุ้น โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 7,937.60 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงราคาพาร์เป็น 1 บาท จะเทียบเท่ากับการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเท่ากับจำนวน 3,968.80 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการใช้สิทธิ STARK-W1 ที่ออก

 

@ 2 หมื่นล.เดินเกมเทคไม่หยุด

 

นายชนินทร์ ระบุว่า เงื่อนไขราคาแปลงสิทธิ STARK-W1 เป็นหุ้น STARK ที่ 5 บาท นั้นคำนวณจากราคาที่นักวิเคราะห์ให้เป้าหมายไว้ในปัจจุบันที่ 2.50 บาท ซึ่งเมื่อรวมพาร์แล้วจะเท่ากับ 5 บาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าในอนาคตจะมีโอกาสในการแปลงสิทธิ์สูงโดยเฉพาะกำหนดให้แปลงได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งหากผู้ถือหุ้นมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเต็มจำนวน จะสามารถระดมทุนได้เป็นจำนวน 20,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินที่ได้รับการใช้สิทธิแปลงวอแรนท์เป็นหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว เตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินในการขยายธุรกิจในอนาคต และสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ

 

ทั้งนี้บริษัทมองเห็นโอกาสในการลงทุนอีกมากซึ่งในช่วง 2 ปีแรก บริษัทจะดำเนินการศึกษาให้ละเอียด ทั้งโครงการลงทุนตาปกติ และ การเข้าซื้อกิจการ ก่อนที่จะใช้เงินจากการแปลงวอแรนท์ต่อยอดธุรกิจอีก

 

"เหมือนกับ ชิม ช็อป ใช้ ช่วง 2 ปีแรก เราก็ชิมศึกษาบริษัทธุรกิจไปก่อน วางแผนต่อยอดให้ดี จากนั้นก็ช็อป หรือ ซื้อกิจการ และก็ใช้ต่อยอดธุรกิจ นี่คือแผนของเราในการใช้เงินเพิ่มทุนจากวอแรนท์"

 

@อนาคตเติบโต

 

นายชนินทร์ ยืนยันว่า ธุรกิจของบริษัทยังอยู่ในทิศทางการเติบโตที่สูง ทั้งจากความต้องการใช้สายไฟในไทย และ ความต้องการใช้สายไฟในเวียดนาม และภูมิภาคอื่นที่ต้องมีการวางทุนวางโครงสร้างเพื่อรองรับ กับอนาคตการใช้กระแสไฟฟ้า โดยเฉพาะในเวียดนามที่จะมีการเติบตมากขึ้นจากการซินเนอร์ยี่ธุริกจไทยและเวียดนาม ที่จะทำให้ต้นทุนถูกลงทั้งการต้นทุนวัตถุดิบ และ ต้นทุนการดำเนินงาน

 

“STARK ได้นำวัตถุดิบทองแดง และอลูมินัม ที่นำเข้าจากต่างประเทศ นำไปแปรรูปที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีต้นทุนพลังงานต่ำกว่าไทย 30 % ของราคาไฟฟ้า ขณะที่ต้นทุนแรงงานก็ถูกกว่าไทยด้วย หลังจากลดต้นทุนวัตถุดิบการผลิตแล้ว บริษัทมีแผน เจรจาสถาบันการเงิน เพื่อลดดอกเบี้ยลงอีก 1-1.5 % จากอัตราดอกเบี้ยตลาดปัจจุบัน 4-5 % “

 

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 มั่นใจเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2 จากการควบรวมธุรกิจสายไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม ที่รับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นเมษายนที่ผ่านมา และทั้งปีคาดการณ์รายได้รวม 16,000 ล้านบาท ส่วนปี 2564 คาดการณ์รายได้ 20,000 ล้านบาท รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงงานสายไฟฟ้าเวียดนาม , โรงงานสายไฟฟ้าไทย รวมทั้งรายได้จากบริษัท อดิสรสงขลา และบริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล ( TCI )

 

บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส ระบุถึง STARK ว่าอยู่ในช่วงการเติบโตโดยจะเห็นการเร่งตัวขึ้นของกำไรในครึ่งปีหลัง2563และต่อเนื่องในปี2564 หลังจากได้เข้าทำ M&A กิจการที่เวียดนาม ประมาณการกําไรปี 2563 เติบโต 647.4 % มาอยู่ที่ 926 ล้านบาท ส่วนปี 2564 คาดกําไรจะเติบโตจากการขายสายไฟให้กับลูกค้าภาครัฐและเอกชนเชิงรุกมากขึ้น เหมาะลงทุนระยะกลางถึงยาว รับทิศทางการเติบโตก้าวกระโดดในปี 2564 แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 2.52 บาท อิงพีอี 38 เท่า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง