เจาะ ERW เริ่มต้นใหม่ปีนี้ กำไรกลับมาสูงกว่าก่อนโควิด
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ส่องหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW คาดว่ากำไรปกติ Q1/66 จะโต 7% q-q เป็น 214 ลบ. จาก RevPAR ที่โตดีในตลาดโรงแรมระดับกลางและราคาประหยัด ทั้งนี้ ผู้เข้าพักชาวจีนจะช่วยชดเชยผู้เข้าพักชาวยุโรปใน Q2/66 ส่วนกำไรปกติปี 2566 น่าจะสูงกว่าระดับก่อนโควิดอยู่ 15% คงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 5.5 บาท (DCF)
RevPAR โรงแรมที่ไม่รวม Hop Inn น่าจะโต 4% q-q ใน Q1/66
ทั้งนี้ คาดว่า RevPAR ของโรงแรมที่ไม่รวม Hop Inn จะโต 4% q-q ใน Q1/66 และสูงกว่าระดับก่อนโควิดอยู่ 6% จากตลาดโรงแรมระดับกลางและราคาประหยัด RevPAR ของโรงแรมหรูน่าจะค่อนข้างทรงตัว q-q จากฐานที่สูงของโรงแรมในกรุงเทพใน Q4/65 RevPAR ของ Hop Inn ในไทยน่าจะโต 6% และสูงกว่าระดับก่อนโควิดถึง 20% ฝ่ายวิจัยคาดว่า RevPAR ของโรงแรมในฟิลิปปินส์จะโต 3% q-q และสูงกว่าระดับก่อนโควิด 9% รายได้จากการขายห้องน่าจะโต 5%q-q แต่รายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) น่าจะลดลง 3-4% q-q ในภาพรวมรายได้น่าจะโต 1% q-q และ EBITDA margin น่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 32% (เทียบกับ 31%ใน Q4/65) ซึ่งจะทำให้กำไรปกติโต 7% q-q เป็น 214 ลบ. ใน Q1/66
ผู้เข้าพักชาวจีนสร้างรายได้มากเป็นอันดับ 3
แม้ว่า ERW จะอยู่นอกฤดูการขายใน Q2/66 ฝ่ายวิจัยคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่พุ่งขึ้น จะช่วยชดเชยตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ชะลอตัวได้บางส่วน สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวขาเข้าชาวจีนฟื้นตัวเพียงประมาณ 15% ใน Q1/66 อย่างไรก็ดีชาวจีนกลับสร้างรายได้มากเป็นอันดับ 3 ให้แก่ ERW ใน Q1/66 (เทียบกับอันดับ 5 ใน Q4/65) ในขณะที่ผู้เข้าพักจากสหรัฐฯ และไทยอยู่ในอันดับ 1 และ 2 ใน Q1/66 ตามลำดับ ผู้เข้าพักชาวจีนอยู่อันดับ 2 ในด้านรายได้จากการขายห้องพักในปี 2562 ด้วยสัดส่วนรายได้ที่ 12%
ค่าห้องรายวันเฉลี่ยปี 66 น่าจะสูงกว่าก่อนโควิดอยู่ 15-20%
ฝ่ายวิจัยคาดว่าอัตราการเข้าพัก (OCC rate) ของโรงแรมที่ไม่ใช่ Hop Inn จะเพิ่มเป็น 80% ในปี 2566 จาก 58% ในปี 2565 ADR น่าจะโต 22% y-y ในปี 2566 และสูงกว่าระดับก่อนโควิดอยู่ 21% ปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้ RevPAR ของโรงแรมที่ไม่ใช่ Hop Inn โตถึง 49% y-y ในขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดว่า RevPAR ของ Hop Inn ในไทยจะโต 5% y-y และ RevPAR ของโรงแรมในฟิลิปปินส์จะโต 18% y-y EBITDA margin น่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 29% ในปี 2566 (เทียบกับ 21% ในปี 2565) เพราะฉะนั้นฝ่ายวิจัยจึงคาดกำไรปกติที่ 533 ลบ. ในปี 2566 สูงกว่าระดับก่อนโควิดอยู่ 15%
ผู้ได้ประโยชน์สูงสุด จากการฟื้นตัวแรงของการท่องเที่ยวไทย
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการและราคาเป้าหมายที่ 5.5 บาท (DCF) ERW มีการซื้อขายที่ 38x ของค่า 2567 P/E (ปีปกติปีแรก) เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 33x และเห็นว่าหุ้นสมควรได้รับการประเมินมูลค่าในระดับสูงเนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการ ท่องเที่ยวไทยจากรูปแบบในการทำธุรกิจโดยใช้สินทรัพย์สูง