ราชทัณฑ์ พบมีการระบาดใหม่ในเรือนจำ 1 แห่ง ผู้ต้องขังรับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 60%
วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 79/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ พบการระบาดใหม่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ส่งผลให้มีเรือนจำสีขาวลดลงอยู่ที่ 124 แห่ง และเรือนจำสีแดง 18 แห่ง โดยเป็นเรือนจำที่ยังอยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 8 แห่ง (ระบาดใหม่ 6 แห่ง และระบาดซ้ำ 2 แห่ง) และมีเรือนจำอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT แล้วทั้งสิ้น 10 แห่ง ซึ่งจะทยอยพ้นจากการระบาดอย่างต่อเนื่องในระยะต่อจากนี้
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 188 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 124 ราย และในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 64 ราย) รักษาหายเพิ่ม 304 ราย ไม่มีรายงานการเสียชีวิตในวันนี้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,388 ราย (กลุ่มสีเขียว 86.9% สีเหลือง 13% และสีแดง 0.1%) โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 71,344 ราย หรือ 89.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 79,910 ราย เสียชีวิตสะสม 174 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้ติดตามสถานการณ์ของเรือนจำที่พบการระบาดแต่ละแห่ง โดยพบว่าสถานการณ์ของเรือนจำส่วนใหญ่ยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมติดตามการบริหารจัดการเรือนจำแพร่ระบาดเพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเป็นระบบ ทั้งการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขัง การเอ็กซเรย์ปอดด้วยเครื่องเอ็กซเรย์เคลื่อนที่พระราชทาน เพื่อคัดกรอง คัดแยกผู้ติดเชื้อให้ได้รับการดูแลรักษา และได้รับยาอย่างทันท่วงที อันจะช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการเสียชีวิตได้ในท้ายที่สุด พร้อมกำชับให้เรือนจำและทัณฑสถานเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังให้ครบโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งในผู้ต้องขังที่อยู่ในแดนปกติ ผู้ต้องขังที่หายป่วยจากโรคตามระยะเวลา และผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอกที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อมาก่อนก็ต้องได้รับวัคซีนเช่นเดียวกัน
ขณะที่ การบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังไปแล้วทั้งสิ้น 435,544 โดส โดยแบ่งเป็นการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังเข็มที่ 1 จำนวน 255,173 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 172,402 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 7,969ราย
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 7 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 5 ราย และเยาวชน 2 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 49 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 7 แห่ง แยกเป็นติดเชื้อ 5 แห่ง และหมดสถานะสีขาว 2 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2,471 ราย หรือคิดเป็น 62.24% จากทั้งหมด 3,970 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นจำนวน 3,876 ราย หรือคิดเป็น 92.04% จากทั้งหมด 4,211 ราย