รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
25 มกราคม 2566 ( 09:30 )
60

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มตลาดวันนี้  SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,675-1,690 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มชะลอความร้อนแรงหลังปรับขึ้นดีในช่วง 2 วันก่อนหน้า โดยผลประกอบการบจ.ออกมาผสมผสาน ตลาดยังคงประเมินความเสี่ยง Recession จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศ ล่าสุด PMI เดือน ม.ค. ยูโรโซนและสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้บ้างแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ในเดือนถัดๆไป 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุมกนง. เราคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50% และต้องติดตามว่าจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจโดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวหรือไม่หลังจีนเปิดประเทศ รวมถึงการส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไปหลังค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฝั่ง Real Sector จะทยอยประกาศออกมาต่อเนื่องเริ่มจากหุ้นขนาดใหญ่ ก่อนจะออกมาหนาแน่นในช่วงกลางเดือน ก.พ. โดยรวมคาดโต q-q หนุนจากกลุ่มพลังงานเป็นหลัก รวมถึงกลุ่ม Domestic/Reopening ที่ฟื้นตัวตามภาพเศรษฐกิจ จึงมองจังหวะพักตัวเป็นโอกาสทยอยสะสม ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 4Q22 แข็งแรง

 

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้น 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือนม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO

 

หุ้นเด่นวันนี้ : CENTEL

• แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 58 บาท

• คาด 4Q22 พลิกมีกำไร 325 ลบ.จากขาดทุนใน 3Q22 และ 4Q21 หนุนจากทั้งธุรกิจโรงแรมที่คาด RevPar ฟื้นตัวแรงเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ตามการเปิดประเทศ ขณะที่ธุรกิจอาหารมี SSSG เป็นบวกแข็งแรงต่อเนื่องจากการบริโภคที่ฟื้นตัว 

• เราคาดผลการดำเนินงานปี 2022 พลิกมีกำไรได้ 225 ลบ. ขณะที่แนวโน้มปี 2023 คาดเร่งตัวอย่างมีนัยยะโดยคาดกำไร +850% y-y จากการเปิดประเทศเต็มปี และมี Catalyst บวกจากเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เริ่ม ก.พ. นี้

• แนวรับ 49.50-49//48 บาท แนวต้าน 52-52.50//55 บาท 

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดตลาดยังคงปรับฐานต่อ หลังไม่สามารถยืน 1690 จุดได้ ความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และราคาน้ำมันฉุดตลาด ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวตามการรายผลประกอบการในช่วงนี้ ในขณะที่ตัวเลข PMI ทั้งภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 46.6 ในเดือน ม.ค. แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชึ้ว่าภาคธุรกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งส่งผลมาถึงไทยทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล

 

ราคาน้ำมันปรับตัวลงตามความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าจะได้จีนเป็นตัวช่วยหนุนก็ตาม (ล่าสุด Brent $86.1 เหรียญ)

 

เงินบาทยังคงแข็งค่า (ล่าสุด 32.7 บาท/ดอลลาร์) แต่วานนี้(24) นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยเป็นครั้งแรกหลังซื้อติดต่อกันมาเกือบ 2 สัปดาห์ วานนี้ Net Sell 903 ล้านบาท

 

การประชุม กนง. วันนี้ คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.5% จากเดิม 1.25%  ซึ่งจะดีต่อกลุ่มธนาคาร และบัตรเครดิต

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์สหรัฐฯ (EIA)

 

Strategy

• ดัชนีฯ ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากคำว่า “ปรับฐาน” การลงทุนระยะนี้ จึงเน้นเล่นสั้นๆ ไว้ก่อน

• นักลงทุนต่างประเทศ เริ่มซื้อหุ้นธนาคารน้อยลง น่าจะยังเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้นกลุ่มนี้ในลำดับต่อไป

• หุ้นที่ราคาลงมามาก มีโอกาส rebound ต่อ BGT, TMI

• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น SPRC ออกจากพอร์ต และนำ CENTEL, PRM เข้ามาแทน พอร์ตหุ้นประกอบด้วย CENTEL(15%), PRM(10%), KTB(10%), KCE(10%), SIRI*(10%), AOT(15%), PTTEP(10%)

 

Strategy Stock Pick

CENTEL: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 53.50 บาท) “หุ้นเด่นกลุ่มโรงแรม คาด Turnaround แรงในปี ‘23”

•ธุรกิจอาหารและโรงแรมฟื้นตัวแรง ประเมินรายได้รวมปี ’23 ที่ 1.93 หมื่น ลบ. ใกล้เคียงกับช่วง Pre-Covid (2019) ที่ 2.12 หมื่น ลบ. SSSG และ RevPAR ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

•ลุ้นนักวิเคราะห์ปรับประมาณการระหว่างปีหลัง รัฐทยอยปรับประมาณการนักท่องเที่ยว, หนุนทัวร์จีน และการบริโภคในประเทศดีกว่าที่ตลาดเคยประเมิน ขณะที่โรงแรมของกลุ่ม CENTEL ที่ Renovate เสร็จแล้วในในช่วงต้นปีก่อนจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพในปีนี้

•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 67 ลบ. และ 1 พัน ลบ. พลิกจากขาดทุนในปี 2021 และ +1459%YoY ในปี 2023 ตามลำดับ

 

Technical : SAWAD, NFC

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET วันนี้คาดทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,675 – 1,680 แนวต้าน 1,685 – 1,690 รอรายงานกำไร บจ. และสัปดาห์หน้ามีการประชุมเฟด, ECB แนะนำทยอยซื้อกลุ่มท่องเทียว AOT,AAV,BA,MINT,CENTEL,ERW/ ค้าปลีก MAKRO,CPN/ เก็งกำไร ETC,BWG,TMT

 

III (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 17.10 บาท) แนวโน้ม 4Q65 คาดผลประกอบการจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง หนุนจาก High Season ของธุรกิจ Air freight ตามปริมาณเที่ยวบินที่ฟื้นตัว ส่วนปี 66 เราคาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 614 ล้านบาท (+17%YoY) รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ ส่งผลให้จำนวนไฟล์ทบินและปริมาณพื้นที่ใต้ท้องเครื่องมากขึ้น รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ ANI เข้ามามากขึ้นหลัง ANI ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 80% ของ Asia GSA (M) ก่อนที่จะยื่น Filing เตรียม Spin-off ANI ในช่วง 2Q66 โดยคาดว่า ANI จะสร้างกำไรในปี 66-67 ราว 870 ล้านบาท และ 1 พันล้านบาท (100% Basis)

 

ICHI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.10 บาท) ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 4Q65-1Q66มีแนวโน้มสดใสรับกรมสรรพสามิตขยายเวลาขึ้น "ภาษีความหวาน" เฟส 3 อัตราสูงสุด 5 บาทต่อลิตร ออกไปถึง 31 มี.ค. 66 รวมถึงการ Reopening ทั้งใน/ต่างประเทศ และ จากแผนการออกเครื่องดื่มใหม่ อย่าง เย็นเย็นรสบ๊วย+สมุนไพร /ICHITAN No Sugar/ เครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD)แบรนด์ TANSUNSU ขณะที่ธุรกิจในอินโดนีเซียคาดว่าจะปรับตัวได้ดีต่อเนื่อง ส่งสินค้าใหม่บุกตลาดในกลุ่มชาไทย/กาแฟโคลด์บริว และการนำชาไทยจากอิชิตัน อินโดนีเซีย ขยายไปเปิดตลาดใหม่ที่ฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.42 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.48 บาท/หุ้น, และ  0.56 บาท/หุ้น ตามลำดับ

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง