รีเซต

เขื่อนเจ้าพระยาเร่งเพิ่มเครื่องสูบน้ำระบายจุดท่วมขังท้ายเขื่อน คาดกลับสู่สภาวะปกติไม่เกินกลาง พ.ย.

เขื่อนเจ้าพระยาเร่งเพิ่มเครื่องสูบน้ำระบายจุดท่วมขังท้ายเขื่อน คาดกลับสู่สภาวะปกติไม่เกินกลาง พ.ย.
มติชน
27 ตุลาคม 2565 ( 16:11 )
11

27 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานภาพรวมน้ำท่วม ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่าน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ลดลงต่อเนื่อง วัดได้อัตรา 2,295 ลบ.ม./วิ โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดวัดได้ +17.65 เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้ยังมีมีระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนเหนือเขื่อนใน 3 อำเภอคือ อ.เมืองชัยนาท อ.วัดสิงห์ และ อ.มโนรมย์

 

โดยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 ต.ค. 2565 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ได้ลดอัตราการระบายน้ำลงไปที่ 2,186 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นการระบายน้ำต่ำกว่า 2,200ลบ.ม./วิ เป็นวันแรก โดยเขื่อนเจ้าพระยาได้คงระดับการแจ้งเตือนไว้ที่ ธงเหลือง หรือสภาวะเฝ้าระวัง โดยระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลง 20 ซม.ในรอบ24ชม. ล่าสุดวัดได้ 15 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ต่ำกว่าตลิ่ง 134 ซม.

 

ถึงแม้ว่าระดับน้ำท้ายเขื่อนจะลดลงจนพ้นภาวะวิกฤต แต่ในหลายๆตำบลอย่าง ต.ตะหลุก ต.หาดอาษา และ ต.โพนางดำ พื้นที่ในชุมชนยังมีน้ำท่วมขังตามใต้ถุนบ้านและพื้นที่ต่ำระดับ 40-100 ซม.ทำให้ประชาชนจำนวนกว่า 1,000 ครอบครัวยังไม่สามารถกลับเข้าไปพักอาศัยภายในบ้านได้ และชาวบ้านได้ร้องขอเครื่องสูบน้ำเพิ่ม

ด้านนายชวลิต ฉลอม ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำ สำนักงานชลประทานที่12 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทเปิดเผยว่า จากปัญหาที่ชาวบ้านแจ้งว่าเครื่องสูบน้ำที่ใช้สูบน้ำท่วมขังออกจากชุมชนมีน้อยเกินไปนั้น ล่าสุดกรมชลประทานมีคำสั่งให้หน่วยงานในพื้นที่ เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่ม เพื่อให้สามารถเร่งสูบน้ำที่กำลังเน่าเสียออกจากพื้นที่ชุมชนให้เร็วที่สุด ซึ่งหากชุมชนใดต้องการเร่งด่วนก็สามารถให้ผู้นำชุมชนเข้ามาทำเรื่องขอเครื่องสูบน้ำได้ที่ สำนักชลประทานที่12 ส่วนในเรื่องของสถานการณ์น้ำนั้น กรมชลประทานมีแผนลดการระบายลงท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเพิ่มการผันน้ำเข้าคลองชัยนาทป่าสักให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ หรือเขื่อนเจ้าพระยาลดการระบายลงไปอยู่ในเกณฑ์ 700 ลบ.ม./วิ ได้ไม่เกินกลางเดือนพ.ย.65นี้

ขณะที่ชาวบ้านชุมชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในพื้นที่ ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า พอน้ำเริ่มลงค่าใช้จ่ายก็ตามมาทันที เพราะจะต้องมีการล้างบ้าน ซึ่งต้องรีบทำก่อนที่น้ำจะแห้งสนิท เพราะถ้าช้าก็จะไม่มีน้ำให้ล้างบ้าน จึงต้องทำงานแข่งกับเวลา ทำให้จำเป็นต้องจ้างคนงานเข้ามาช่วย ซึ่งนางกมลวรรณ หัวรักกิจ บอกว่าค่าจ้างล้างบ้านนั้นล่าสุดราคาค่าแรงดีดตัวขึ้นไปถึงวันละ 400 บาทต่อคน และบ้านแต่ละหลังก็ต้องใช้คนอย่างน้อย 4-5ค น ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่จะไม่จ้างก็ไม่ได้เพราะงานล้างบ้านหลังน้ำท่วม เป็นงานที่หนักหนาสาหัสมาก จึงอยากให้ทางราชการ เอาค่าใช้จ่ายเรื่องนี้ไปพิจารณารวมให้ในค่าชดเชยเยียวยาหลังน้ำท่วมให้ชาวบ้านด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง