รีเซต

ใช้สิทธิถูกที่ ประโยชน์ครบ 3 ต่อ SME โต รัฐได้เงินคืน ประชาชนได้ของดี

ใช้สิทธิถูกที่ ประโยชน์ครบ 3 ต่อ SME โต รัฐได้เงินคืน ประชาชนได้ของดี
TNN ช่อง16
26 กันยายน 2568 ( 19:56 )
9

“คนละครึ่ง” ไม่ได้เป็นเพียงโครงการลดค่าครองชีพให้ประชาชนเท่านั้น หากออกแบบให้ถูกทาง เงินหนึ่งบาทจากภาครัฐจะไม่หยุดอยู่แค่ที่มือผู้บริโภค แต่จะกลายเป็นพลังหมุนเศรษฐกิจที่ส่งผล “สามต่อ” – SME โตขึ้น, รัฐมีรายได้กลับคืน และประชาชนได้สินค้าในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้นกว่าเดิม

ต่อที่ 1 SME ได้โตจากเงินที่หมุนถึงมือ

สิ่งแรกที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อเรากดใช้สิทธิ “คนละครึ่ง” คือยอดขายของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME ที่เป็นต้นทางการผลิตสินค้าในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตัวอย่างง่าย ๆ หากเราซื้อสินค้ามูลค่า 100 บาท รัฐช่วยจ่าย 50 บาท เราจ่ายอีก 50 บาท เงินทั้งหมด 100 บาทนี้จะไม่หายไปไหน แต่จะกลายเป็นรายได้โดยตรงให้ผู้ผลิตสินค้าไทยประมาณ 60 บาท ซึ่งเงินส่วนนี้จะถูกนำไปต่อยอดเป็นวัตถุดิบ จ้างงาน และลงทุนเพิ่ม เป็นวงจรที่ขยายตัวต่อเนื่อง

ถ้าเงื่อนไขของโครงการออกแบบให้เน้น “สินค้าไทย” หรือ “สินค้าจาก SME” เงินที่รัฐสนับสนุนก็จะไม่ไหลออกนอกประเทศ และกลายเป็นแรงส่งสำคัญให้ธุรกิจเล็ก ๆ ในประเทศแข็งแรงขึ้นได้จริง

ต่อที่ 2 รัฐได้เงินคืนผ่านระบบภาษี

อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่มักถูกมองข้ามคือ ทุกครั้งที่ประชาชนใช้สิทธิผ่านร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี รัฐจะได้รับรายได้กลับคืนโดยอัตโนมัติ ทั้งจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีจากกำไรของผู้ประกอบการ

จากตัวอย่างข้างต้น เงิน 100 บาทที่หมุนเวียนจะสร้างรายได้ให้รัฐทันทีประมาณ 7 บาทในรูปแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และหากธุรกิจมีกำไรจากยอดขาย รัฐก็ยังเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่มเติมอีก

เมื่อลองขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น หากรัฐบาลอัดงบประมาณ 25,000 ล้านบาทเข้าโครงการ เงินที่หมุนผ่านระบบภาษีอาจกลับคืนมารัฐมากกว่า 10,000 ล้านบาท ต่างจากกรณีที่เงินส่วนใหญ่ไปอยู่ในร้านค้านอกระบบ ซึ่งรัฐแทบไม่ได้อะไรกลับมาเลย

ต่อที่ 3 ประชาชนได้ของดี ราคาถูกลง

ผลประโยชน์สุดท้ายที่ประชาชนรู้สึกได้ชัดที่สุด คือราคาสินค้าที่ถูกลงโดยไม่ลดคุณภาพ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน

  • เงินที่รัฐช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งทำให้เราซื้อสินค้าได้มากขึ้นในราคาที่เข้าถึงง่าย
  • หากสินค้านั้นผลิตในประเทศ ราคาก็มีแนวโน้มถูกลงในระยะยาว เพราะผู้ผลิตมีต้นทุนต่ำลงจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
  • และที่สำคัญ การซื้อสินค้าผ่านร้านที่อยู่ในระบบภาษี ยังเพิ่มความโปร่งใส ปลอดภัย และตรวจสอบได้ง่ายขึ้นด้วย

ใช้สิทธิ “ถูกที่” เงินหมุนครบทั้งระบบ

บทเรียนจากโครงการที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดว่า หากเงินไหลออกไปสู่ระบบที่ไม่มีการจัดเก็บภาษี เงินมหาศาลจะหายไปเหมือน “เทลงบ่อทราย” – รัฐไม่ได้ภาษี SME ไม่เติบโต และประชาชนก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติมนอกจากของราคาถูกเพียงชั่วคราว

ในทางกลับกัน หากเรา “ใช้สิทธิให้ถูกที่” ด้วยการเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตในไทย ผ่านร้านที่อยู่ในระบบภาษี เงินหนึ่งบาทที่รัฐสนับสนุนจะหมุนกลับมาเป็นประโยชน์ ครบสามต่อ

  • ผู้ผลิตไทยมียอดขายและเติบโต
  • รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น
  • ประชาชนได้สินค้าคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้

“คนละครึ่ง” ไม่ได้มีเป้าหมายแค่ช่วยลดค่าครองชีพระยะสั้น แต่ยังเป็น “เครื่องมือทางเศรษฐกิจ” ที่ถ้าใช้ให้ถูกจุด จะช่วยขับเคลื่อนทั้งระบบให้เติบโตพร้อมกัน เงินหนึ่งบาทของรัฐจึงไม่ใช่เงินที่จ่ายทิ้ง แต่คือเมล็ดพันธุ์ที่งอกงามได้ทั้งต่อ SME รัฐ และประชาชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง