ประภัตร เร่งฟื้นฟูผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ถกผู้ผลิตอาหารสัตว์ ลดราคาช่วยต้นทุนเกษตรกร
ข่าววันนี้ 6 มกราคม นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาเนื้อสุกรสดในประเทศปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลให้ความต้องการของตลาดในประเทศลดลง ประกอบกับเกษตรกรและผู้ประกอบการบางส่วนปรับแผนการผลิต ลดจำนวนสุกรลง รวมถึงปัญหาโรคระบาดในสุกรที่เกิดขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านต้องการสุกรจากไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ตลาดสุกรในประเทศมีไม่เพียงพอ ทำให้ราคาเนื้อสุกรสดปรับตัวสูงขึ้น
ดังนั้น กรมปศุสัตว์ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรฯ ได้หารือร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการพิจารณาห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2565 – วันที่ 5 เมษายน 2565 โดยคาดว่าจะช่วยให้มีสุกรมีชีวิต กลับเข้าสู่ระบบตลาดในประเทศประมาณ 1 ล้านตัว ซึ่งจะช่วยให้ราคาเนื้อสุกรสดในประเทศมีโอกาสปรับลดลง
นายประภัตร กล่าวอีกว่า หลังจากมาตรการดังกล่าวฯ ออกมา หลังจากนี้กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งดำเนินการมาตรการระยะกลาง และระยะยาวในทันที โดยจะเร่งฟื้นฟูผู้เลี้ยงรายย่อย 180,000 ราย ส่งเสริมหาพันธุ์หมูให้ในราคาทุน โดยจะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ให้ผลิตลูกสุกรเพิ่ม เพื่อส่งให้เกษตรกรรายย่อยเลี้ยง โดยจะใช้เงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใต้ “โครงการสานฝันสร้างอาชีพ ยกระดับรายได้เกษตรกร” เข้ามาสนับสนุน เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการดำเนินการ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะนำเข้าสุกรจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในประเทศในระยะสั้น
นายประภัตร กล่าวว่า ทั้งนี้ ราคาเนื้อหมูสดในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น จากการสำรวจ พบว่าต้นทุนของเกษตรกรในการเลี้ยงสุกรให้ได้น้ำหนัก 100 กิโลกรัม มีค่าอาหารเฉลี่ย 6,000 บาท/ตัว แต่จากการสำรวจเดิมของคณะอนุกรรมการต้นทุนการผลิตสุกร ประเมินไว้ที่ 3,300 บาท/ตัว ดังนั้น ต้องทบทวนอีกครั้งให้ตรงกันและเป็นต้นทุนที่แท้จริง รวมถึงต้องขอความร่วมมือผู้กับผู้ประกอบการผลิตอาหารสัตว์ ให้ไปรับลดราคาลง โดยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 มาตรการต่างๆ จะผ่อนคลายลง และสามารถขำเข้าสินค้าได้เป็นปกติ ซึ่งจะทำให้ราคาวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารสัตว์ถูกลง โดยภาครัฐจะเร่งหารือมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยในเรื่องของการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้ต้นทุนถูกลง อาทิ ลดภาษี รวมถึงการงดเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ
นายประภัตร กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ เตรียมคู่มือและแผนการอบรม การจัดการฟาร์มแบบฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) ซึ่งมีราคาไม่สูงมาก และจะช่วยยกระดับการเลี้ยง การจัดการให้มีความปลอดภัยทางชีวภาพ และป้องกันโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบการบันทึกข้อมูล การพัฒนาคุณภาพผลผลิต เพื่อให้ได้ปศุสัตว์และผลผลิตที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค