รีเซต

BAMพร้อมบริหารหนี้เสีย รัฐเคาะโอนNPL1.2แสนล.

BAMพร้อมบริหารหนี้เสีย รัฐเคาะโอนNPL1.2แสนล.
ทันหุ้น
4 พฤศจิกายน 2568 ( 08:00 )
2

#BAM  #ทันหุ้น  -  ครม.เศรษฐกิจอนุมัติโอนหนี้เสีย 1.2 แสนล้านบาท เข้าเอเอ็มซีรัฐ  BAM วางกลยุทธ์ 3 กลยุทธ์เชิงยืดหยุ่น มุ่งยกระดับเป็นกลไกกลางในการรวบรวม-บริหารจัดการ NPLs จากทั้งสถาบันการเงิน-สถาบันการเงินรัฐบาล หนุนการบริหารหนี้รวดเร็ว-มีประสิทธิภาพ  มั่นใจครึ่งหลังปี 2568 ผลดำเนินงานโตต่อเนื่อง ย้ำเป้าผลเรียกเก็บปีนี้ 1.78 หมื่นล้านบาท

ดร.เอกนิติ  นิติทัณฑ์ประภาศ  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 อนุมัติหลักการการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในระบบสถาบันอย่างยั่งยืน ผ่านกลไกการรับซื้อหนี้รายย่อยโดยบรรษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ (AMC) โดยกำหนดลูกหนี้ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งเป็นหนี้ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2568 ได้รับการโอนหนี้ไปยัง AMC

สำหรับจำนวนลูกหนี้ที่อยู่ในข่ายการโอนหนี้มีทั้งหมด 4.76 ล้านบัญชี ลูกหนี้รวม 3.45 ล้านคน  มูลหนี้ 1.2 แสนล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และบริษัทลูกรวม 1.56 ล้านบัญชี ลูกหนี้ 1.25 ล้านคน มูลหนี้ 4.36 หมื่นล้านบาท และลูกหนี้ที่อยู่ในธนาคารพาณิชย์ของรัฐบาลรวม 7.9 แสนบัญชี ลูกหนี้ 7 แสนคน มูลหนี้ 1.88 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นกระทรวงการคลัง  ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยจะลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นี้

@BAM พร้อม

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า  บริษัทมีกลยุทธ์การบริหารจัดการหนี้เสีย (Non-Performing Loans : NPLs) ที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่นสูง (Increased Flexibility and Channels) ใน 3 โมเดลประกอบด้วย 1.ร่วมทุนจัดตั้ง Joint Venture (JV) ซึ่งยังต้องติดตามแนวการดำเนินนโยบายของหน่วยงานกำกับดูแลเป็นหลัก 

2. โมเดลการบริหารเพื่อแบ่งกำไร (Profit-Sharing Management) โดยโอนสิทธิใน NPLs มาให้ BAM บริหารจัดการ ซึ่งหากมีกำไร BAM จะคืนให้  และ 3. โมเดลการรับจ้างบริหาร (Outsourced Management) สถาบันการเงินไม่ต้องขาย NPLs ออกมาแต่ให้ BAM เข้าไปบริหารจัดการแทน

“โมเดลการบริหารจัดการจะมีความยืดหยุ่นซึ่งทำให้ BAM สามารถขยายขอบเขตการบริหารจัดการทรัพย์ NPL ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และจะทำให้ BAM กลายเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย เพราะไม่ว่าผู้เล่นอื่นแม้กระทั่ง SAM ก็จะสามารถพึ่งพา BAM ให้ช่วยบริหารจัดการทรัพย์สินได้”

@Q4 ยอดเรียกเก็บดี

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 4/2568 ซึ่งเป็นไตรมาสที่จะมีผลเรียกเก็บเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง เบื้องต้นอยู่ระหว่างเจรจาปิดดีลสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ขนาดใหญ่ 1 ชิ้น และทรัพย์ขนาดกลาง 1 ชิ้นรวมมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) บริษัทยังมุ่งเน้นการปรับครงสร้างหนี้อย่างยืดหยุ่น โดยเปิดโอกาสให้ลูกหนี้สามารถผ่อนชำระเป็นรายงวด แทนการเข้ามาชำระเพียงครั้งเดียว (Bullet Payment) และเร่งกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ให้เร็วขึ้น ด้วยการขออนุมัติคณะกรรมการบริษัท (บอร์ดบริษัท) นำหนี้รายย่อยที่มียอดไม่เกิน 500,000 บาท เข้าสู่ระบบ TDR Factory อย่างเหมาะสม โดยปัจจุบันบริษัทมีผลเรียกเก็บจากทรัพย์ NPL เฉลี่ย 1.1 – 1.2 พันล้านบาทต่อเดือน  จึงยังคงมั่นใจว่าผลเรียกเก็บทั้งปี 2568 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 17,800 ล้านบาท โดยกำไรปกติมีแนวโน้มทำได้กว่า 2,000 ล้านบาท

              “การจัดภาระการผ่อนชำระของลูกหนี้ NPL อย่างเป็นระบบ จะช่วยหนุนศักยภาพพนักงานของบริษัทให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การบริหารจัดการกระบวนการพิจารณาก็จะรวดเร็วขึ้น ระยะเวลาการเจรจา การปรับโครงสร้างหนี้แต่ละเคสก็จะรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนทรัพย์ NPA การเจรจา และกระบวนการต่างๆ ดำเนินไปราว 90% แล้วก็มั่นใจว่าจะมีผลเรียกเก็บเข้ามาทันในไตรมาส 4/2568 นี้”

@ตั้งเป้ากระจายผลเรียกเก็บ

 ดร.รักษ์ กล่าวถึงกลยุทธ์การทำงานในปี 2569 ตั้งเป้ากระจายผลเรียกเก็บให้เติบโตมั่นคงในทุกไตรมาส ด้วยกลไกการบริหารทรัพย์ทั้ง NPA และ NPLs ที่หลากหลาย และยืดหยุ่น รวมถึงมีบริษัทร่วมทุนทั้งบริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด หรือ ARI AMC และบริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด หรือ ARUN AMC เข้ามาเป็นกลไกดูดซับทรัพย์ออกมาจากทั้งสถาบันการเงิน และสถาบันการเงินของรัฐ (SFI)

แนะ “ซื้อ” เป้า 8 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาดว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2568 ที่ 203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY, แต่ลดลง 84% QoQ โดยคาดการณ์ว่าผลเรียกเก็บที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY แต่ลดลง 48% QoQ คาดว่า ECL จะมากกว่ารายได้ดอกเบี้ยค้างรับ ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับตับต้นทุนส่วนที่เหลือของ

สินทรัพย์รอการขาย (NPA) ที่ได้จากกรมบังคับคดี

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ ในงวดไตรมาส 4/2568 จากผลเรียกเก็บที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลส่งผลให้ผลเรียกเก็บทั้งปี 2568 ทำได้ตามเป้าที่บริษัทวางไว้ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2568 ที่ 2,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% YoY พร้อมคาดอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 7.35% จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 8 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง