รีเซต

เตือนร้านค้าคนละครึ่ง มิจฉาชีพดูดเงินเกลี้ยงบัญชี แจ้งจนท.แล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้

เตือนร้านค้าคนละครึ่ง มิจฉาชีพดูดเงินเกลี้ยงบัญชี แจ้งจนท.แล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้
ข่าวสด
20 ธันวาคม 2564 ( 11:06 )
49

เตือนร้านค้าโครงการคนละครึ่ง โดนมิจฉาชีพดูดเงินเกลี้ยงบัญชีสูญเกือบแสน แจ้งจนท.แล้ว แต่จนท.บอกว่าทำอะไรไม่ได้

 

วันที่ 20 ธ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าหลายแห่งในเขต อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ถูกคนร้ายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารทำทีมาสอบถามข้อมูลเรื่องเครื่อง EDC จากนั้นไม่นานเงินในระบบบัญชีของทางร้านก็ได้ถูกเปลี่ยนบัญชีโอนเงินไป

 

นางบัวพิศ เรืองแสง อายุ 53 ปี เจ้าของร้าน “เรืองแสง มินิมาร์ท บ.โนนสวรรค์ ม.2 ต.ภูเหล็ก อ.บ้านไผ่ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. มีโทรศัพท์โทรมาที่ร้านอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง โทรมาสอบถามว่ามีเครื่อง EDC หรือเครื่องรูดบัตรประชารัฐหรือไม่ พร้อมขอข้อมูลส่วนตัวของตนและทางร้าน โดยบอกว่าจะทำการแก้ไขหากไม่รีบดำเนินการจะไม่สามารถใช้เครื่องรูดบัตรได้

 

ตนจึงบอกทั้งเลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรประชาชน รหัสบัตรATM และเลข OTP จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. วันเดียวกันมีพนักงานบริษัทฯส่งสินค้ามาเล่าว่า มีร้านค้าหมู่บ้านข้างเคียงถูกหลอกถามข้อมูลใช้โอนเงินออกจากบัญชีสูญเงินนับแสน จึงรีบโอนเงินไปยังอีกบัญชีทันทีและรีบเดินทางไปติดต่อธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าตนนั้นถูกหลอก พร้อมทั้งการเปลี่ยนรหัสให้

 

ต่อมาวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังโอนเงินประชารัฐเข้าบัญชี จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงหลังเงินเข้า กลับพบว่าเงิน 20,000 กว่าบาทถูกโอนไปยังบัญชีอื่น เหลือในบัญชีเพียง 78 บาท จึงนำหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.บ้านไผ่และติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีอีกครั้ง กลับได้รับคำตอบว่าไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนบัญชีที่ใช้โอนเงินประชารัฐได้

 

นางบัวพิศ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่าต้องเป็นอำนาจของกระทรวงการคลังในการแก้ไขข้อมูล โดยให้ร้านส่งเรื่องไปใหม่ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าไม่เป็นธรรม ธนาคารควรออกมารับผิดชอบ พร้อมอยากฝากเตือนร้านค้าที่เป้นร้าประชารัฐให้ระมัดระวัง อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบัญชีธนาคารกับใครเด็ดขาด เพราะมิจฉาชีพร้านค้าหลายหมู่บ้านถูกหลอกในลักษณะเดียวกันนี้จำนวนมาก คิดว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ

 

ด้าน นางวราภรณ์ มูลมาตร เจ้าของร้าน "เอ ร้านถูกใจ" กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา อยู่ ๆ ก็มีข้อความแจ้งมายังโทรศัพท์ตนว่ามีการใช้บัญชีขอเลข OTP จากนั้นก็มีข้อความ แจ้งว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีเป็นเงินจำนวน 89,700 บาท เหลือในบัญชีเพียง 2.97 บาทเท่านั้น จึงรีบไปแจ้งความที่ สภ.บ้านไผ่ และไปติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชี ต่อมาเจ้าหน้าที่แจ้งว่าทราบชื่อและที่อยู่จากบัญชีที่รับโอนแล้วแต่เจ้าของบัญชีปฏิเสธ

 

จากนั้นเรื่องก็ไม่คืบหน้า ขณะนี้ตนต้องหาหยิบยืมเงินมาลงทุนซื้อสินค้า อีกทั้งต้องโอนเงินโครงการคนละครึ่งที่ได้จากลูกค้าซื้อสินค้าออกจากบัญชีที่ถูกแฮ็กทุกวัน จึงอยากให้ธนาคารหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งออกมารับผิดชอบและแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งทราบว่ามีหลายร้านอีกหลายตำบลถูกมิจฉาชีพยักยอกเงินและหลอกนำข้อมูลไปใช้สูญเงินจำนวนมาก ขอให้เข้าใจคนทำมาหากินเพราะเงินทุกบาททุกสตางค์มีค่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง