รีเซต

คืบหน้า ”คนละครึ่งพลัส” เฟส 2 ปลัดคลังยืนยันมาทันก่อนยุบสภาฯ แน่ หวังมาตรการรัฐดันเศรษฐกิจโต

คืบหน้า ”คนละครึ่งพลัส” เฟส 2  ปลัดคลังยืนยันมาทันก่อนยุบสภาฯ แน่ หวังมาตรการรัฐดันเศรษฐกิจโต
TNN ช่อง16
8 ธันวาคม 2568 ( 09:58 )
8

"คนละครึ่งพลัส" เฟส 2  มาทันก่อนยุบสภาฯแน่ "ปลัดคลัง" หวังมาตรการรัฐดันเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายปีนี้  โตถึง 1%


ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ในระยะที่ 2 ของรัฐบาลไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุดนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวยืนยันว่าโครงการคนละครึ่ง พลัส ระยะที่ 2 (เฟส2) จะสามารถใช้ได้ทันก่อนรัฐบาลประกาศยุบสภาในเดือน มกราคม 2569 อย่างแน่นอน ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเร่งจัดทำรายละเอียดของโครงการทั้งหมด ยังไม่สามารถชี้แจงได้ โดยต้องรอให้ฝ่ายนโยบายพิจารณาก่อน


อย่างไรก็ตามสำหรับตัวเลขวงเงินใช้จ่ายต่อรายนั้นยังอยู่ระหว่างทำการบ้าน จึงเร็วไปที่จะพูดตอนนี้ ว่าจะได้ประชาชนจะได้รับคนละกี่บาท โดยย้ำว่าขณะนี้ทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะแตกต่างจากเฟส 1 อย่างไร เพื่อจะให้ทันตามนโยบายรัฐบาล และเพื่อให้มาตรการมีความต่อเนื่อง


ขณะที่ส่วนของงบกลางซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการนำไปใช้เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จะยังมีเหลือเพียงพอรองรับการดำเนินโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส2 หรือไม่นั้น ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า มองว่าเรื่องนี้หากเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล สำนักงบประมาณก็จะต้องไปเร่งบริหารจัดการ


พร้อมกันนี้ปลัดคลัง กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปี 2568 รัฐบาลอยากเห็นขยายตัวถึง 1% ซึ่งเราก็เชื่อว่าอานิสงส์ของมาตรการรัฐที่ได้เร่งออกไปในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก็น่าจะส่งผล โดยสิ่งที่เราพยายามตั้งใจทำ คือไม่อยากเห็นไตรมาส 4 ดร็อปกว่าที่คาด หรือถ้าลดลงก็อยากให้น้อยที่สุด




มาตรการ "คนละครึ่งพลัส" ช่วยดัน ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคพฤศจิกายน 2568 ฟื้นต่อเนื่องเดือนที่ 3


ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือนพฤศจิกายน 2568 พบว่า อยู่ที่ระดับ 53.2 จากเดือนตุลาคม 2568 ที่ระดับ 51.9 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 10 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความหวังและมีความเชื่อมั่นว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้ฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แม้ว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ สงครามการค้าและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวได้ช้าก็ตาม


ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 46.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 50.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 61.9


ปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่


1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ครอบคลุมประชาชน 20 ล้านคน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ ลดรายจ่ายและกระจายรายได้สู่ร้านค้าท้องถิ่น เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2568


2. มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่ให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวภายในประเทศมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 30,000 บาท โดยสามารถใช้สิทธิได้ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-15 ธันวาคม 68


3. การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2568 มีมูลค่า 28,835 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.66% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 32,272 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16.25% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 3,436 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ช่วง 10 เดือนปี 68 ส่งออกได้รวม 282,982 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 13.04% และมีการนำเข้ารวม 286,848 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12.39% ส่งผลให้ขาดดุลการค้ารวม 3,866 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


4. ระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังคงทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 (E10) อยู่ที่ระดับ 31.48 และ 31.85 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568 ตามลำดับ ส่วนราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ อยู่ที่ระดับ 30.94 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568


5. เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับ 32.551 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 เป็น 32.398 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568


ปัจจัยลบ ได้แก่


1. ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคยังรู้สึกว่ารายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น


2. ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนการค้าขายและการท่องเที่ยว


3. ราคาข้าวเปลือกเจ้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และยางพารา อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก มีผลต่อกำลังซื้อในบางพื้นที่ต่างจังหวัดในระยะนี้


4. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผย GDP ไตรมาส 3 ปี 2568 ว่าเศรษฐกิจขยายตัว 1.2% ทำให้ช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) เศรษฐกิจไทยเติบโต 2.4% และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะยังขยายตัวที่ 2.0% ขณะที่ในปี 2569 คาดว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในช่วง 1.2-2.2% โดยมีค่ากลางการประมาณการ 1.7%


5. SET Index ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ปรับตัวลดลง 52.81 จุด โดยปรับตัวลดลงจาก 1,309.50 จุด ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 เป็น 1,256.69 จุด ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568 เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มใหญ่ สะท้อนความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว


6. ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายไทย-กัมพูชา ที่ยกระดับจนเกิดเหตุรุนแรงจนเกิดการสู้รบในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 แม้ว่าจะมีการเจรจาหยุดยิงก็ตาม แต่สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้เกิดความกังวลต่อประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา รวมทั้งบรรยากาศการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนที่ชะงักงัน


7. ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อ ทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับขบวนการฮามาส ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาน้ำมันและพลังงานโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง