12 รัฐในอเมริกา รวมตัวฟ้อง"ทรัมป์" ข้อหาสั่งใช้ภาษีโดยมิชอบ

ความเคลื่อนไหวภายในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐได้ใช้นโยบายการค้าเชิงรุกด้วยการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการระงับใช้ชั่วคราว 90 วัน เพื่อให้ชาติต่างๆเข้ามาเจรจาต่อรอง ยกเว้นแค่ประเทศจีนที่ยังคงขึ้นภาษีในอัตราสูงถึง 145 % ปรากฎว่าสร้างความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยในมาตรการดังกล่าวจากชาวอเมริกันออกมาด้วยเช่นกัน นอกจากการเคลื่อนไหวชุมชนประท้วงในพื้นที่ต่างๆเป็นระยะๆแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่ารัฐต่างๆทั่วสหรัฐ ได้รวมกันฟ้องร้องรัฐบาลทรัมป์ว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า 12 รัฐในสหรัฐอเมริกาได้รวมตัวกันยื่นฟ้องรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กรณีใช้มาตรการภาษีศุลกากรอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยได้ยื่นฟ้องต่อศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ (23 เมษายน 2568 )
ประกอบไปด้วยอัยการสูงสุดของรัฐแอริโซนา, โคโลราโด, คอนเนตทิคัต, เดลาแวร์, อิลลินอยส์, เมน, มินนิโซตา, เนวาดา, นิวเม็กซิโก, นิวยอร์ก, ออริกอน, และเวอร์มอนต์ โดยได้ยื่นฟ้องเพื่อขอคำสั่งศาลให้ระงับการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ในทันที
คำฟ้องระบุว่า นโยบายดังกล่าวทำให้การกำหนดนโยบายการค้าระดับชาติเป็นไปตามอำเภอใจของประธานาธิบดีทรัมป์ แทนที่จะเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเหมาะสม และขอให้ศาลประกาศว่ามาตรการภาษีศุลกากรดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย พร้อมกับยับยั้งหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้บังคับใช้มาตรการเหล่านี้ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉินได้เฉพาะเมื่อยามมีภัยคุกคามที่ผิดปกติและไม่ธรรมดาจากต่างชาติเท่านั้น
คำฟ้องยังระบุอีกด้วยว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างอำนาจในการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรมหาศาลและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆกับสินค้าใดก็ตามที่เขาอยากเรียกเก็บ ด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ที่เขาอยากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ถือเป็นการล้มล้างระเบียบแห่งรัฐธรรมนูญและนำความวุ่นวายมาสู่เศรษฐกิจสหรัฐฯ
เลทิเทีย เจมส์ สำนักงานของอัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก ระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐสภาไม่ได้ให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีในการใช้มาตรการภาษีเหล่านี้ ดังนั้นฝ่ายบริหารจึงละเมิดกฎหมายด้วยการใช้มาตรการภาษีเหล่านี้ผ่านคำสั่งฝ่ายบริหาร โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และคำสั่งของหน่วยงานรัฐ มาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์มิชอบด้วยกฎหมาย และหากไม่หยุดก็จะทำให้เงินเฟ้อ การว่างงาน และความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวเมื่อวันพุธว่า การขึ้นภาษีศุลกากรด้วยความไม่รอบคอบของประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้ต้นทุนของผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้นและก่อให้เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจทั่วประเทศ
ด้านรัฐบาลโดย คุช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว ได้ตอบโต้ถึงกรณีดังกล่าว โดยกล่าวว่า รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาฉุกเฉินระดับชาติที่กำลังทำลายอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของอเมริกา และทิ้งแรงงานของเราไว้ข้างหลัง ด้วยการใช้เครื่องมือทุกอย่างที่เรามี ตั้งแต่มาตรการภาษีศุลกากรไปจนถึงการเจรจา