รีเซต

แพทย์เตือน! กิน “ยาแก้ปวด” มากเกินไป เสี่ยง “ปวดศีรษะ” ได้

แพทย์เตือน! กิน “ยาแก้ปวด” มากเกินไป เสี่ยง “ปวดศีรษะ” ได้
TNN ช่อง16
30 สิงหาคม 2564 ( 21:50 )
574

อ. นพ.ประกิต อนุกูลวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า การกินยาแก้ปวดมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะได้



โรคปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป (Medical overuse headache) เกิดจากการที่ผู้ป่วยใช้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการปวดศีรษะในปริมาณที่มากเกินไป เป็นผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะรุนแรงมากขึ้นในระยะเวลาต่อมา และมีความถี่ของอาการปวดศีรษะแทบทุกวัน ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะ ต่อเนื่องนานเกิน 3 เดือน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติการใช้ยาแก้ป่วดในกลุ่มพาราเซตามอล หรือกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เกิน 15 วัน/ดือน หรือมีประวัติการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่ม เออร์โกตามีน ทรีปแทน หรือโอปีออยด์ เกิน 10 วัน/เดือน


อาการ


อาการปวดศีรษะจะมีความถี่ขึ้น เมื่อใช้ยานานขึ้น

ยาแก้ปวดที่ใช้มีประสิทธิภาพลดลง ที่เคยรับประทานแล้วหายปวดกลับไม่หายปวด

อาการปวดศีรษะจะเกิดขึ้นภายหลังยาแก้ปวดหมดฤทธิ์

ผู้ป่วยจะต้องใช้ขนาดยาแก้ปวดที่เพิ่มขึ้น

ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะขณะนอนหลับร่วมด้วย เนื่องจากขาดยาในช่วงเวลานอนและทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ

วิธีป้องกันอาการปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป


หยุดหรือลดปริมาณของยาแก้ปวดที่ใช้เกินขนาด

ปรับรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดภาวะเครียดหรือปัจจัยกระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ

ในผู้ป่วยที่มีโรคปวดศีรษะอยู่เดิม เช่น โรคปวดศีรษะไมเกรน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาการใช้ยาและป้องกันอาการปวดศีรษะที่เหมาะสม



ที่มา : อ. นพ.ประกิต อนุกูลวิทยา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง