SAMARTปีนี้เทิร์นแรง SDCบุกดิจิทัลแอสเซท

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ปีนี้ธุรกิจของกลุ่มบริษัท SAMART จะมีผลงานโดดเด่น ทั้ง 3 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของกลุ่มสามารถจะสามารถสร้างผลงานได้เติบโตอย่างมาก ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART, บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL และ บริษัท สามารถดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SDC ซึ่งบริษัทเตรียมแถลงแผนธุรกิจทั้งกลุ่มในสัปดาห์หน้า

@รุกดิจิทัลแอสเซท

สำหรับบริษัทที่จะเป็นตัวผลักดันให้ SAMART เติบโตแรง คือ SDC ซึ่งทางกลุ่มจะใช้เป็นทัพหน้าในการรุกธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และดิจิทัลคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ โดยบริษัทจะรวมธุรกิจกับพันธมิตรในการเดินหน้า ซึ่งจะมีหลายอย่าง ทั้งในส่วนของการออกเหรียญดิจิทัล รวมถึง NFT และเมตาเวิร์ส ขณะนี้ได้มีการเจรจาและจะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้

นายวัฒน์ชัย  กล่าวอีกว่า ธุรกิจดิจิทัลนับเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งด้านการดำเนินธุรกิจดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง โดย SDC มีประสบการณ์ด้านคอนเทนต์ ซึ่งจะนำมาร่วมพัฒนากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยทำเป็นแพลตฟอร์มออกมากและสร้างอีโคซิสเต็ม

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกแอปพลิเคชันด้านการให้บริการศาสตร์พยากรณ์ แบบครบวงจร ซึ่งมีเป็นพันธมิตรเป็นโหราจารย์ชื่อดังจำนวนมาก โดยได้ออกเฟสแรกไปแล้วในระบบ Call และ Video Call เหมือนมีหมอดูมานั่งอยู่ข้างๆ และในอนาคตจะมีการเสริมความสมจริงด้วยเมตาเวิร์ส นอกจากนี้ยังจะมีคอนเทนต์อื่นๆอีก ซึ่งบริษัทจะสร้างอีโคซิสเต็มต่อยอดไปสู่การจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังวางแผนขยายฐานลูกค้าจาก B2C ไปสู่รูปแบบ B2B2C ในองค์กรธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ 5 ประเภท ได้แก่ กลุ่มธุรกิจยานยนต์, กลุ่มธุรกิจพรีเวดดิ้ง, กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธนาคาร, กลุ่มธุรกิจเสริมความงาม และกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังเตรียมแผนขยายตลาดสู่ต่างประเทศในปี 2566 โดยจะพัฒนาฟีเจอร์ Multilingual เพื่อช่วยให้ก้าวผ่านข้อจำกัดในการสื่อสาร

@ โมเดล SDC พลิกกำไรแรง

สำหรับผลประกอบการของ SDC ในช่วง 9 เดือน 2564 ที่ผ่านมา บริษัทมีผลขาดทุน 217 ล้านบาท โดยมั่นใจปี 2565 จะสามารถผลิกเป็นกำไรได้และเติบโตแรง เนื่องจากบริษัทได้มีฐานธุรกิจที่มาจากเครื่องวิทยุสื่อสาร (Digital Trunked Radio) เป็นรายได้หลัก จากการได้เซ็นสัญญาให้บริการ Digital  Trunked  Radio แก่กระทรวงมหาดไทย มูลค่ารวม 3,314.65 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามารับรู้ในปี 2565 โดยนอกจากการให้บริการด้านให้บริการกับกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังสามารถมีรายได้เพิ่มเติมจากภาคเอกชนที่จะดีลเข้ามาใช้ทรังค์ในการกระจายข่าวด้วย ซึ่งจะเห็นว่า SDC จะมีรายได้ประจำ และมีท็อปอัพเสริมจาก Digital Trunked Radio

ขณะเดียวกัน SDC ก็จะมีรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลและอีโคซิสเต็ม ที่จะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดทำให้บริษัทเติบโตในลักษณะของหุ้นเทคโนโลยีได้

“SDC จะพลิกแรงมากปีนี้ ตอนนี้มีรายได้จากทรังค์อยู่ในมือแล้วและมีโอกาสขายเพิ่มขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาอีกคือการรุกดิจิทัลแอสแซทและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ เรามีหมดทั้งดิจิทัลแอสเซท รวมไปถึง NFT และยังมีเมตาเวิร์สด้วย มีการดีลกับพันธมิตรทำให้ SDC มีโอกาสในการเติบโตมาก ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงแผนชัดเจนของทั้งกลุ่ม SAMARTจะโชว์ทั้งแบ็กล็อก และการดำเนินงานในอนาคต และเป้าการเติบโตของบริษัทที่ค่อนข้างสูง”