น้ำเหนือเริ่มวิกฤต? ปี 68 ฝนมากเป็นอันดับ 2 เขื่อนภูมิพลเหลือความจุรับน้ำแค่ 1%

วันนี้ (10 พ.ย. 68) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานในการประชุมติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์ เพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำของประเทศไทย
ปริมาณฝนสูงสุดเป็นอันดับ 2 และผลกระทบจากพายุ
รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำของประเทศว่า ปี 2568 ถือเป็นปีที่มีปริมาณฝนตกมากเป็นอันดับสอง รองจากปี 2565 โดยมีค่าฝนสะสมสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 27.7 ส่งผลให้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนซึ่งปกติเป็นฤดูหนาว ยังคงมีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุคัลแมกี ที่เคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน
เขื่อนภูมิพลวิกฤตหนัก ต้องเพิ่มการระบายน้ำ
พายุคัลแมกีส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้า เขื่อนภูมิพลสูงถึง 540 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลมี พื้นที่รองรับน้ำเหลือเพียง 127 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 1 ของความจุ เท่านั้น เพื่อรักษาความมั่นคงของเขื่อนและควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย จึงต้องมีการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการเพิ่มการระบายน้ำปัจจุบันระบายอยู่ที่ 48 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน สำหรับวันพรุ่งนี้ (11 พ.ย. 68): จะเพิ่มเป็น 53 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่ วันพุธ (12 พ.ย. 68): จะเพิ่มเป็น 55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หากจำเป็น อาจต้องระบายสูงสุดถึง 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ผลกระทบต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยา
น้ำที่ระบายจากเขื่อนภูมิพลจะไหลลงสู่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
การเพิ่มปริมาณน้ำนี้ ทำให้ต้องยกระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ที่ราว 18 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง การดำเนินการดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อ พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ โดยเฉพาะใน จังหวัดอุทัยธานีและชัยนาท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
