รีเซต

ชลประทานลดน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เร่งระบายสู่อ่าวไทยเต็มศักยภาพ

ชลประทานลดน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เร่งระบายสู่อ่าวไทยเต็มศักยภาพ
TNN ช่อง16
18 พฤศจิกายน 2568 ( 18:05 )
7

ชป.เดินหน้าปรับลดน้ำเขื่อนเจ้าพระยา หลังน้ำต้นทุนปีนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ย

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศรวม 69,438 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 91% ของความจุรวม สอดคล้องกับปริมาณฝนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยและทำให้น้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันน้ำไหลลงอ่างใหญ่ทั่วประเทศตั้งแต่ต้นปีสะสมกว่า 53,680 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 16 ปีถึง 33%

สำหรับ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำรวม 24,562 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 99% ของความจุอ่างรวม ส่งผลให้จำเป็นต้องเร่งบริหารน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างใกล้ชิด

เวลา 12.00 น. สถานีวัดน้ำ C.2 จ.นครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 2,856 ลบ.ม./วินาที โดยกรมชลประทานได้นำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก 647 ลบ.ม./วินาที ทำให้ท้ายเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายอยู่ที่ 2,688 ลบ.ม./วินาที

กรมชลประทานคาดว่า 20–24 พฤศจิกายนนี้ จะทยอยลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในช่วง 2,400–2,700 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะช่วยให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงได้อีกประมาณ 0.40–0.75 เมตร ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกสู่อ่าวไทย โดยใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ในช่วงที่น้ำทะเลลง เพื่อเร่งให้น้ำหลากผ่านพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลไปสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว

ด้านการบริหารน้ำฤดูแล้งปี 2568/69 ได้กำหนดลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำอย่างเข้มงวด ครอบคลุมด้านอุปโภคบริโภค ระบบนิเวศ การเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการสำรองน้ำต้นฤดูฝนหน้า เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีน้ำใช้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

กรมชลประทานยังติดตามพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักภาคใต้อย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่น เตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ และกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ลุ่มต่ำและแนวริมฝั่งน้ำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง